“เงินฝากปีมังกร” 16 ล้านล้าน-แบงก์แข่งโปรชิงลูกค้า

เงินฝากปีมังกร

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินเงินฝากปี’67 ทะลุ 16 ล้านล้าน ฟื้นตัวรองรับเศรษฐกิจโต-สินเชื่อขยายตัว ชี้ปี’66 เงินฝากขยายตัวต่ำ เหตุคนโยกลงทุนโปรดักต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงชะลอตามทิศทางสินเชื่อ “กรุงศรีฯ” คาด กนง.คงดอกเบี้ย 2.50% หนุนแบงก์ออกแคมเปญเงินฝากใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ฟาก “CIMBT” เล็งออกเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ เจาะกลุ่มลูกค้าแสวงหาผลตอบแทน

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คาดการณ์ว่าเงินฝากในภาพรวมจนถึงสิ้นปี 2566 น่าจะกลับมาขยายตัวที่ระดับ 0.3-0.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) หรือมียอดเงินฝากคงค้างที่ 15.9 ล้านล้านบาท จากตัวเลขภาพรวมเงินฝากระบบธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 17 แห่ง ณ เดือน พ.ย. 2566 อยู่ที่ 15.78 ล้านล้านบาท หรือหดตัว -0.3%

“ปกติเงินฝากในเดือน ธ.ค.จะขยับขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงธนาคารมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับธุรกิจในปี 2567 ด้วย”

กาญจนา โชคไพศาลศิลป์
กาญจนา โชคไพศาลศิลป์

สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา เงินฝากขยายตัวค่อนข้างต่ำ สอดคล้องกับการเติบโตสินเชื่อ ซึ่งเป็นการที่แบงก์ดูแลสภาพคล่องให้สมดุล

รวมถึงลูกค้ามีทางเลือกในการออมและลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น กองทุนรวม หรือหุ้นกู้ ทำให้แบงก์ชะลอออกเงินฝากประจำพิเศษลง โดยค่าเฉลี่ยการออกผลิตภัณฑ์ในช่วง ม.ค.-ต.ค. 2566 อยู่ที่ 20 โปรดักต์/เดือน แต่เดือน พ.ย.อยู่ที่ 10 โปรดักต์/เดือน

นางสาวกาญจนากล่าวว่า สำหรับทิศทางเงินฝากในปี 2567 ประเมินว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมา รวมถึงฐานที่ต่ำในปีที่ผ่านมา เงินฝากน่าจะกลับมาขยายตัวสอดคล้องกับสินเชื่อในกรอบ 2.8-3.6%

หรือมียอดคงค้างที่ 16.3-16.4 ล้านล้านบาท โดยจะเห็นแบงก์ทยอยออกแคมเปญเงินฝากประจำพิเศษ เพื่อระดมเงินฝากเป็นระยะ ๆ แตกต่างกันไปตามการดูแลสภาพคล่องของแต่ละแห่ง

“เงินฝากปี 2566 โตต่ำมาก สอดคล้องกับสินเชื่อ ซึ่งระหว่างทางของปีนี้อาจเห็นบางเดือนเงินฝากติดลบ ส่วนหนึ่งเงินฝากต้องแข่งกับการลงทุนประเภทอื่นที่ให้ยีลด์ดีกว่า แต่ภาพในเดือน ธ.ค.น่าจะเห็นเงินฝากขยับขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และน่าจะปิดปีนี้อยู่ที่ 0.3-0.4% และมองไปข้างหน้าในปี’67 ด้วยฐานเงินฝากที่ต่ำในปีนี้ และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้เงินฝากกลับมาโตได้”

นางสาวกมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานผลิตภัณฑ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ที่ 2.50% ต่อปี ส่งผลให้การแข่งขันของตลาดเงินฝากร้อนแรง โดยลูกค้าปรับเปลี่ยนจากการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์มาเป็นเงินฝากประจำ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น

กมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค
กมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค

ซึ่งปี 2567 ธนาคารมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น เงินฝากประจำ 7 เดือน ดอกเบี้ย 1.80% ต่อปี หรือ 14 เดือน ดอกเบี้ย 2.20% ต่อปี และเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน ดอกเบี้ย 2.90% ต่อปี และออมทรัพย์ กรุงศรี มีแต่ได้ เปิดผ่านแอปพลิเคชั่น “KMA Krungsri” ให้ดอกเบี้ยสูง 1.50% ต่อปี

ทั้งนี้ มุ่งเน้นขยายฐานเงินฝากประจำระยะปานกลางถึงระยะยาวในทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยตั้งเป้าเงินฝากในปี 2567 อยู่ที่ 1,800 ล้านบาทขึ้นไป

“มองไปในปี 2567 ศูนย์วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี จึงน่าจะส่งเสริมให้มีการออกแคมเปญเงินฝากอย่างต่อเนื่อง”

นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า สถานการณ์เงินฝากในปี 2567 แบงก์จะยังคงแข่งขันกันต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการสภาพคล่องให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้การรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (มาร์จิ้น) ของต้นทุน และการดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

“น่าจะเห็นว่าผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจในการฝากเงินในสกุลเงินต่างประเทศมากขึ้น เช่น สกุลดอลลาร์ หรือยูโร เป็นต้น ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีธุรกรรม หรือกลุ่มที่ต้องการหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยธนาคารมีแผนขยายการเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศในหลายสกุลเงิน หรือ Multi-Currency ผ่านแอปพลิเคชั่น ภายในไตรมาสที่ 3/2567

รวมถึงออกโปรดักต์ออมทรัพย์ที่มีโบนัสเรตในช่วง 3-4 เดือนแรกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 0.40-0.50% ต่อปี สำหรับลูกค้ารายใหม่ หรือลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Preferred)”

ทั้งนี้ ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของเงินฝากรายย่อยและนิติบุคคลที่เป็นรายย่อยสุทธิเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท จากฐานเงินฝากปัจจุบันอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท

“ในระยะสั้นจะเห็นการแข่งขันมากขึ้น เพราะทุกคนอยากจะรักษามาร์จิ้น แต่เราก็พยายามขยายวงเงินรับดอกเบี้ย เช่น ลูกค้า Preferred Saving ขยายจาก 5 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาทให้ได้รับเรตดอกเบี้ยที่ดีที่สุด หรือเงินฝาก Speedy+ ดอกเบี้ย 1.88% เราเน้นขยายเทียร์วงเงิน เพราะเรามองว่าเงินฝากจะเป็นที่พักเงินของลูกค้าก่อนที่จะไปลงทุน”