หุ้นไทยปี 2567 ผ่านมาแล้วเกือบ 10 วัน ทำไม “ต่างชาติ” ยังขายไม่หยุด

หุ้นไทย
ภาพจาก AFP

หุ้นไทยปี 2567 ผ่านมาแล้วเกือบ 10 วัน ทำไม “นักลงทุนต่างชาติ” ยังขายไม่หยุด

วันที่ 13 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปีมังกร นับจากต้นปีจนถึงวันที่ 12 ม.ค.2567 รวมวันทำการทั้งหมด 9 วัน พบว่าดัชนี SET ปรับตัวลดลงมา 19.85 จุด หรือ -1.38%

โดย SET ปิดการซื้อขายวันแรก (2 ม.ค.) อยู่ที่บริเวณ 1,433.38 จุด แต่ปิดการซื้อขาย (12 ม.ค.) อยู่ที่บริเวณ 1,413.53 จุด โดยวันที่ทำจุดต่ำสุด คือวันที่ 11 ม.ค. อยู่ที่ระดับ 1,408.24 จุด

สำหรับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ พบว่ายังคงขายสุทธิหุ้นไทย โดยขายไปรวมทั้งหมด 7 วันทำการ มูลค่า 6,325.87 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • วันที่ 3 ม.ค. ขายสุทธิ 978.99 ล้านบาท
  • วันที่ 5 ม.ค. ขายสุทธิ 3,210.43 ล้านบาท
  • วันที่ 8 ม.ค. ขายสุทธิ 319.91 ล้านบาท
  • วันที่ 9 ม.ค. ขายสุทธิ 1,061.46 ล้านบาท
  • วันที่ 10 ม.ค. ขายสุทธิ 1,807.05 ล้านบาท
  • วันที่ 11 ม.ค. ขายสุทธิ 1,007.04 ล้านบาท
  • วันที่ 12 ม.ค. ขายสุทธิ 67.30 ล้านบาท

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เห็นสัญญาณการกลับมาซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.2566 และผ่านมาช่วงสัปดาห์แรกของปี 2567 ยังเห็นเป็นภาพของการซื้อหุ้นไทยอยู่ เป็นโมเมนตัมที่ดี เพราะหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค

แต่พอเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่สอง เห็นปัจจัยลบภายในประเทศประเดประดังเข้ามาพอสมควร อาทิ 1.เงินเฟ้อไทยเดือน ธ.ค.2566 ติดลบ 0.83% เป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 34 เดือน ทำให้เกิดความกังวลว่าจีดีพีไตรมาส 4/2566 ออกมาจะต่ำกว่าคาดหรือไม่

2.ความกังวลหุ้นกู้ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะเป็นเรื่องเดิมเมื่อปีที่แล้ว ที่เป็นปัจจัยกระทบความมั่นใจในการลงทุนให้ลดน้อยลง

3.ความแตกต่างกันระหว่างการดำเนินนโยบายการเงินกับนโยบายการคลัง เพราะภาครัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีโอกาสจะคงดอกเบี้ยสูงในปีนี้

และ 4.มาตรการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีความไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่

ทั้งนี้ 4 ปัจจัยข้างต้น เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่สองของปีนี้ ทำให้ฟันด์โฟลว์ที่เคยไหลเข้ามามีการสะดุดในช่วงสั้น ๆ

นายภราดร กล่าวต่อว่า สำหรับเทรนด์ฟันด์โฟลว์เชื่อว่ามีโอกาสที่จะพลิกกลับมาซื้อได้ เพราะว่านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยไปมากเมื่อปีที่แล้ว อย่างน้อย ๆ ระดับ SET ที่บริเวณกว่า 1,400 จุด ต่ำลงมากว่า 200 จุดเมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2564 ที่อยู่บริเวณ 1,600 จุด สะท้อนตลาดหุ้นไทยราคาไม่แพง ระดับ P/E เหลือแค่กว่า 14 เท่า

ประกอบกับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง และการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างไทยกับสหรัฐ โดยที่สหรัฐมีโอกาสจะลดดอกเบี้ยเร็วกว่า ตามคาดการณ์ของ bloomberg ซึ่งปัจจัยข้างต้นจะหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทย มีโอกาสจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะเย้ายวนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น