
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย บัญชีเทรดหุ้นแตะ 5.5 ล้านบัญชี Gen-Z เปิดพุ่ง ขยับสัดส่วนไปสู่ระดับ 30-40% “รินใจ” กางแผนปี’67 ดึงคนรุ่นใหม่ลงทุนเต็มสูบ หวังสร้างเวลท์ในระยะยาว ปรับปรุงให้เปิดบัญชีดิจิทัลง่ายขึ้น เล็งผุดแอปลงทุน ป้อนโปรดักต์ Small Size ทยอยลงทุนด้วยเงินไม่มาก Inverse ETF ช่วยป้องกันความเสี่ยง-สร้างกำไรระยะสั้น ผลักดันเพิ่ม DR เทรดในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วันที่ 20 มกราคม 2567 ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังผลักดันให้คนไทยเข้ามาใช้ตลาดทุนเพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่ง (เวลท์) ในระยะยาวให้มากขึ้น โดยพยายามจะทำให้มีผู้ลงทุนใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมด 5.5 ล้านบัญชี จำนวน 2.5 ล้านราย โดยสถิติพบว่าแนวโน้มนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยจะเป็นคนรุ่นใหม่ (young gen) ที่มีสัดส่วนมากขึ้น นั่นคือกลุ่ม Gen-Y และ Gen-Z โดยเฉพาะ Gen-Z พบสถิติสูงขึ้นอย่างมาก จากเดิมที่อยู่ระดับกว่า 10% ปัจจุบันขยับมาสู่ระดับ 30-40% ไปแล้ว
เพราะฉะนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯคงจะต้องมีการปรับวิธีการสื่อสารกับผู้ลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งในปี 2567 วางแผนว่าจะเป็นปีที่จะสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่าจริง ๆ การลงทุนต้องลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย โดยจะมุ่งเน้นสื่อสารผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
“สำหรับปีที่แล้วเรามีการสื่อสารในแง่ของการให้มีความระมัดระวังการลงทุน เพราะมีข่าวปลอมหลอกลงทุนค่อนข้างมาก แต่สำหรับปีนี้จะเป็นปีที่เราจะมามุ่งเน้นว่าจะลงทุนอย่างไร แล้วทำไมการลงทุนถึงมีความสำคัญ”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำการตลาดและสื่อสารออกไป แต่จริง ๆ จะต้องทำไปพร้อมกับการปรับปรุงเรื่องของการที่จะเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยให้ง่ายขึ้นด้วย เพราะจะสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีความใจร้อนขึ้น เพราะฉะนั้น กระบวนการต่าง ๆ ในการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบดิจิทัล ก็จะต้องทำให้มีความง่าย และต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงไปส่วนหนึ่งแล้ว และต้องรองรับการจัดสรรทรัพย์สิน (Asset Allocation) ในหลายผลิตภัณฑ์พร้อมกันให้เกิดขึ้นได้ด้วย
นอกจากนี้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทย ความต้องการในการใช้ชอฟต์แวร์ในการลงทุน ก็อาจจะมีแนวคิดที่แตกต่างไปจากสมัยก่อนที่เน้นการซื้อขาย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีแบบฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมให้กับผู้ลงทุนกลุ่มใหม่โดยเฉพาะ เป็นลักษณะ Investment Application ที่ง่าย ใช้งานสะดวก เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะออกมาพร้อม ๆ กัน เพื่อทำให้การเข้าถึงตลาดทุนเป็นไปได้ง่าย
และเมื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นได้ง่ายแล้ว ต่อไปจะมีผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมด้วย เช่น Small Size Thai Share คือลงทุนได้โดยที่ไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ค่อย ๆ ทยอยลงทุน และจากปัจจุบันผู้ลงทุนจะคุ้นชินกับการซื้อหุ้นและขายหุ้น เพราะฉะนั้นในปีนี้จะพยายามผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น Inverse ETF ซึ่งใช้ได้ในช่วงป้องกันความเสี่ยง (Hedging) พอร์ตระยะสั้น หรือใช้เก็งกำไรระยะสั้นก็ได้ หากประเมินทิศทางตลาดลง
และที่จะพยายามส่งเสริมต่อเนื่องคือ ผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศ เช่น DR และ DRx ซึ่งปีที่ผ่านมามีเพิ่มผลิตภัณฑ์ 11 สินค้าที่อ้างอิงหลักทรัพย์ในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรป และอเมริกา ปัจจุบันรวมกันแล้ว 23 หลักทรัพย์ สำหรับปีนี้พยายามสนับสนุนการออก DR เพิ่มขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ออก DR จะเลือกจากหุ้นที่มีความน่าสนใจ มีความ Sexy หรือเป็นหุ้นที่มีความแตกต่างจากในประเทศไทย
เพราะฉะนั้น ทางเลือกนี้จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถที่จะกระจายการลงทุน มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น และสามารถลงทุนหุ้นระดับโลกได้ และทั้งหมดจะเป็นแผนงานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมไว้สำหรับดำเนินการในปีนี้