หุ้นไทย ทำไม “ต่างชาติ” ถล่มขายไปแล้ว 14 วันติด มูลค่า 2.3 หมื่นล้าน

หุ้นไทย

หุ้นไทย ทำไม “นักลงทุนต่างชาติ” ถล่มขายไปแล้ว 14 วันติด มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท “บล.กสิกรไทย” ชี้เศรษฐกิจไทย-กำไร บจ.อ่อนแอ ไม่น่าดึงดูดใจเมื่อเทียบคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน คาดเทขายยาวช่วงครึ่งแรกปีนี้จากดาวน์ไซด์ต่อกำไรสุทธิปี 2567 จากผลสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอ-บริโภคอ่อนแอ-นักท่องเที่ยวจีนฟื้นช้า-รัฐบาลไม่สามารถออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามคาดหวัง เปิดโผหุ้นหลบแรงขายต่างชาติ

วันที่ 24 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) นับจากต้นปีถึงวันที่ 23 ม.ค. 2567 (YTD) ปรับตัวลดลง 76.84 จุด หรือติดลบ 5.36% จากระดับ 1,433.38 จุด หล่นมาอยู่ที่ 1,356.54 จุด

โดยพบว่านักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปแล้ว มูลค่ารวม 23,283.16 ล้านบาท เป็นการขายต่อเนื่อง 14 วันติดต่อกัน ประกอบด้วย

• 3 ม.ค. 2567 มูลค่า 978.99 จุด
• 5 ม.ค. 2567 มูลค่า 3,210.43 จุด
• 8 ม.ค. 2567 มูลค่า 319.91 จุด
• 9 ม.ค. 2567 มูลค่า 1,061.46 จุด
• 10 ม.ค. 2567 มูลค่า 1,807.05 จุด
• 11 ม.ค. 2567 มูลค่า 1,007.04 จุด
• 12 ม.ค. 2567 มูลค่า 49.68 จุด
• 15 ม.ค. 2567 มูลค่า 506.43 จุด
• 16 ม.ค. 2567 มูลค่า 899.13 จุด
• 17 ม.ค. 2567 มูลค่า 5,742.20 จุด
• 18 ม.ค. 2567 มูลค่า 2,536.72 จุด
• 19 ม.ค. 2567 มูลค่า 1,226.71 จุด
• 22 ม.ค. 2567 มูลค่า 3,940.02 จุด
• 23 ม.ค. 2567 มูลค่า 2,013.05 จุด

เศรษฐกิจไทย กำไร บจ.อ่อนแอ

เรื่องนี้ทางบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย วิเคราะห์ไว้ว่า เหตุผลที่ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง เพราะตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน โดยนักลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาท หลังมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิ 1.92 แสนล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว แม้ SET Index ปรับลดลง 15.5% เมื่อปีที่แล้วและเคลื่อนไหวช้ากว่า MSCI ACWI อยู่ 35% แต่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยและสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนในประเทศจำนวนมาก

มองว่าเหตุผลสำคัญมาจากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอของเศรษฐกิจไทยหลังสิ้นสุดสถานการณ์โควิด-19 และมูลค่าที่ไม่น่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน Bloomberg Consensus คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรายงานการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR จากปี 2562-2567) ที่ 4.39% เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียนที่ 10.39%

นอกจากนี้ SET Index ซึ่งขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2567 ที่ 14.35 เท่า ยังค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตระดับเดียวกันหรือสูงกว่า เช่น อินโดนีเซีย (13.68 เท่า), มาเลเซีย (13.37 เท่า), ฟิลิปปินส์ (11.42 เท่า) และเวียดนาม (9.97 เท่า)

ช่วง 10 ปี ต่างชาติขายหุ้นไทย 9.75 แสนล้าน

โดยการเติบโตที่หายไปเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยที่ 9.75 แสนล้านบาท ตั้งแต่ปี 2556 และยังมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิในอีก 8 ปี จาก 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดคาดการณ์ถึงหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน, สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง, การลงทุนที่หายไป, ประชากรสูงวัย และการสูญเสียข้อได้เปรียบทางการแข่งข้นในการส่งออกของสินค้าอุตสาหกรรม

เรามีความเห็นตรงกันเช่นกัน แต่เราเชื่อว่าสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทยมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิที่ขาดหายไป Bloomberg Consensus คาดว่า market EPS ของประเทศไทยจะอยู่ที่ 88 บาท ในปี 2556 และ 85 บาท ในปี 2566 หรือบ่งชี้ถึงการเติบโตที่คงที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ SET Index เคลื่อนไหวออกด้านข้างอยู่ระหว่าง 1,000-1,800 จุด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เทียบกับระดับปัจจุบันที่ 1,380 จุด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยและลงทุนในตลาดประเทศอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่า เพื่อจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า

ดาวน์ไซด์กำไร ทุบต่างชาติขายหุ้นไทยส่อยาว

เราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังเทขายหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกปีนี้จากดาวน์ไซด์ต่อกำไรสุทธิปี 2567 ผลจากสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง, การบริโภคที่อ่อนแอ, จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า และรัฐบาลไม่สามารถออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่คาดหวัง

เราคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2567 และ Fed Pivot จะเริ่มต้นทุนขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลงและเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด

เราคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะหยุดเทขายและอาจเริ่มกลับมาสะสมหุ้นไทยเมื่อ market EPS ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนในปี 2559 และ 2565 เมื่อ market EPS ฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่ง

โผหุ้น หลบแรงขายต่างชาติ

แนะนำกลยุทธ์ “เลือกลงทุน” ให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้น/กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตด้านโครงสร้างและปลอดภัยจากการเทขายจากต่างชาติ เนื่องจากเราคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกปีนี้ เราเห็นนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, ผู้รับหมา, การแพทย์ และอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ต้นปี 2556

อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิในกลุ่มท่องเที่ยวและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า และ profit-taking ในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เต็มมูลค่าแล้ว

แนะนำให้นักลงทุนมุ่งเน้นไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม/หุ้นที่มีการเดิบโตด้านโครงสร้างและหลบแรงขายจากต่างชาติ เช่น กลุ่มการแพทย์, นิคม และ mid-caps หุ้นเด่นในกลุ่มนี้คือ BDMS, BCH, WHA, AMATA และ CK