ส่องหุ้นเด่น เดือน ก.พ.นี้ โบรกฯแนะ 5 ธีมน่าลงทุน มีตัวไหนบ้าง ?

หุ้นไทย
ภาพ pixabay

โบรกฯ แนะหุ้นเด่นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พร้อม 5 ธีมน่าลงทุน มองกลุ่มท่องเที่ยว-ค้าปลีก-รับเหมา-อุปโภค บริโภค น่าสนใจ 

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนอยู่อย่างต่อเนื่องโดย SET Index ม.ค. 67 ปิดที่ 1,364.52 จุด ลดลง 3.63% เมื่อเทียบกับธันวาคม 2566 โดยมีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 30,874.11 ล้านบาท

ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมหลังจากมีข่าวการลงนามข้อตกลงระหว่างฟรีวีซ่าไทย-จีนที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย-จีนให้เพิ่มขึ้นส่วนในเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ยังคงต้องจับตาว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร มีหุ้นกลุมไหนน่าลงทุนบ้าง

บล.ฟินันเซีย แนะ CPALL, ITEL, MINT, PR9 และ TU

โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) รายงานว่า กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. 67 ตลาดลดความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฟด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ในขณะที่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ

ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น หากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2566-ไตรมาส 1/2567 ยังต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง และไม่มีมาตรการเงินดิจิตอล การปรับประมาณการกำไรปี 2567 เป็นปัจจัยสำคัญ โดยคงเป้า SET ไว้ที่ 1,520 จุด โดย Top Pick เดือน ก.พ. 66 ได้แก่ CPALL, ITEL, MINT, PR9 และ TU

Advertisment

บล.กสิกรไทย แนะ 5 ธีมเด่นลงทุน

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย รายงานว่า มุมมองของตลาดหุ้นไทยปี 2567 คาดจะฟื้นตัวขึ้นหากเริ่มเห็นการปรับเพิ่ม market EPS หรือเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง มองปัจจัยเสี่ยงสำคัญในปี 2567 นักลงทุนควรจับตามอง ได้แก่ การปรับตัวขึ้นของอัตราตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ จากนโยบายที่ยังเข้มงวดของ Fed, profit-taking จากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ที่แข็งแกร่งหรืออัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดในอนาคตหรืออุปทานพันธบัตรที่สูงขึ้น

การ Downside ต่อกำไรสุทธิปี 2567 จากการบริโภคที่อ่อนแอ, สภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและความล้มเหลวของรัฐบาลในการออกนโยบายหลัก รวมถึงความเสี่ยงในการ roll over หุ้นกู้ ประเภท High Yield มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท ในปี 2567 และการเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติรวมถึงการโจมตีเรือในทะเลแดงที่อาจเพิ่มต้นทุนการขนส่งและระยะเวลาในการขนส่ง

5 ธีมการลงทุนที่แนะนำเดือน ก.พ. 67 ได้แก่

1. หุ้นปันผล (TTB) : คาด TTB จะให้อัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 7%
2. หุ้น defensive (PR9 และ ADVANC) : คาดหุ้น defensive จะทำผลงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนตัวลง
3. หุ้นพลิกฟื้นตัว (TU และ BTG) : คาดกำไรของ TU และ BTG จะพลิกฟื้นในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
4. หุ้นมูลค่า (TOP) : จากการประเมินมูลค่าที่ถูกและ ROE ที่อาจปรับตัวดีขึ้น จาก GRM ที่ขยายตัว ภาคปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง และโครงการ CFP เสร็จสมบูรณ์
5. หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (ERW และ AAV) : ERW และ AAV น่าจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยในปี 2567

บล.เอเชียพลัส แนะกลุ่มท่องเที่ยว-อุปโภค/บริโภค

ด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส รายงานว่า กลยุทธ์การลงทุน ด้านนโยบายการคลัง คาดว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในภาค Consumption เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งในมุมของฝ่ายวิจัยฯหากมีนโยบายกระตุ้นที่มากพอ คาดสร้างความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากช่วงต้นปีมีมาตรการ Easy E-Receipt ก็น่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้อง เช่น

Advertisment

1. กลุ่มท่องเที่ยว : CENTEL, ERW, MINT
2. กลุ่มอุปโภค/บริโภค : CPN, CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC,CPALL, BJC, CBG, OSP, JMART, COM7, DCC, MAU, SCGP
3. กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้น : KBANK, BBL, TISCO, TIDLOR, MTC,SAWAD, KTC, AEONTS, BAM

สำหรับทิศทางดอกเบี้ยไทย ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ช่วงเวลาการลดดอกเบี้ยของ กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยตาม Fed ในช่วงกลางปี2024 เนื่องจากสถิติในอดีต Fed มักตรึงดอกเบี้ยไว้ราว 12 เดือน ก่อนปรับลดดอกเบี้ย ส่วนในมุมของขนาดของการลดดอกเบี้ยอาจอยู่ที่ 1-2 ครั้ง

โดยบ้านเราขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 2% หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของปการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed (5.25%) โดยมองว่า Fed ปรับลดดอกเบี้ยปีนี้ 3-6 ครั้ง หรือ 1% นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสขยายตัวได้น้อย อาจเป็นแรงหนุนให้ กนง. พิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น

บล.ฟิลลิป แนะกลุ่มรับเหมา-ค้าปลีก-รับนโยบายภาครัฐ

ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือน ก.พ. 67 แกว่งในกรอบ 1,340-1,400 จุด มีปัจจัยบวกและลบกดดัน หลังต่างชาติ ยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลง
ขณะที่ผลดำเนินงานไตรมาส 4/66 เป็นปัจจัยบวกรายกลุ่ม เช่น หุ้นท่องเที่ยว, หุ้นไฮซีซั่นช่วงไตรมาส 4, หุ้นรับประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยรวมถึงการติดตามผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยอย่างไร รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

แนะกลยุทธ์ลงทุนเก็งกำไรหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น กลุ่มรับเหมา CK รับนโยบายภาครัฐที่อาจมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา และกลุ่มการบริโภคค้าปลีก CPALL, ท่องเที่ยว AOT และกลุ่มสื่อสาร ADVANC