AIS ปันผลหุ้นละ 4.61 บาท INTUCH รับทรัพย์ 5.5 พันล้าน

AIS โทรคมนาคม เสาสัญญาณ

“แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส” กำไร 2.9 หมื่นล้าน เติบโต 12% ที่ประชุมมีมติให้เสนอผู้ถือหุ้น 25 มี.ค.นี้ อนุมัติจ่ายเงินปันผล 4.61 บาท/หุ้น XD 19 ก.พ. ฟาก INTUCH รับทรัพย์ 5.5 พันล้านบาท

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) หรือ AIS รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ให้เสนอที่ประะชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 พิจารณาอนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2566 เป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 8.61 บาทต่อหุ้น

โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ในอัตรา 4.00 บาทต่อหุ้นไปแล้ว ดังนั้น คงเหลือจ่ายปันผลสำหรับงวดนี้ 4.61 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ กำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 (Record Date) โดยวันขึ้นเครื่องหมาย XD คือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2567

อนึ่ง บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 40.44% จำนวน 1,202,712,000 หุ้น จะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 5,544.50 ล้านบาท

ทั้งนี้ เอไอเอสมีรายได้รวมปี 2566 อยู่ที่ 188,873 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% เทียบจากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้บริการ ซึ่งมีผลจากการรับรู้รายได้ของ 3BB การเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ต การฟื้นตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ชดเชยกับรายได้จากการขายอุปกรณ์ที่ลดลงเล็กน้อย หากไม่รวม 3BB รายได้รวมเพิ่มขึ้น 0.7% จากรายได้การขายอุปกรณ์ที่ลดลง

และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 29,086 เพิ่มขึ้น 12% จากการเติบโตของรายได้การให้บริการหลัก ที่เติบโตเหนือกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนและค่าใช้จ่ายผ่านการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้ผลกระทบจากการควบรวมกับ 3BB

นอกจากนั้น กำไรสุทธิยังได้รับผลดีจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและการจำหน่ายเงินลงทุนในแรบบิทไลน์เพย์ (RLP) หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และผลกระทบจาก 3BB กำไรปกติจะอยู่ที่ 28,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%