ธนาคารไทยเครดิต หรือ CREDIT หุ้นไอพีโอน้องใหม่ เข้าซื้อขายตลาดหุ้นวันนี้วันแรก ลดลง 1.5 บาท ต่ำจอง 5.17 % จากราคา IPO ที่ 29 บาท ลุยนำไปใช้ขยายพอร์ตสินเชื่อ-ปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัท ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจธนาคาร โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) มายาวนานกว่า 15 ปี แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มคนค้าขายที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ซึ่งมีจำนวนมากและถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ต่ำจอง 5.17%
โดยเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ (9 ก.พ.) ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจธนาคาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า CREDIT มีราคาเปิดในวันแรกอยู่ที่ 27.50 บาท ลดลง 1.5 บาท ต่ำจอง 5.17% จากราคา IPO ที่ 29 บาท
สำหรับ CREDIT มีทุนชำระแล้ว 6,146.45 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน เป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 254.13 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมของ OCA Investment Holdings I Pte. Ltd. 189.42 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 64.71 ล้านหุ้น
โดยเสนอขายให้แก่ 1) บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ พนักงาน และผู้มีอุปการคุณของธนาคาร ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม 2567 2) ผู้ลงทุนสถาบัน (รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors) ที่จองซื้อในประเทศ นิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ และผู้ลงทุน (รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors) ที่จองซื้อในต่างประเทศ
ผ่านผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchaser) ระหว่างวันที่ 31 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ราคาหุ้นละ 29 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,876.47 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 35,649.39 ล้านบาท โดยมีธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน มีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
นำเงินขยายพอร์ตสินเชื่อ-พัฒนาระบบไอที
นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ทั้งในเชิงธุรกิจและการขับเคลื่อนสังคม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการไมโครไฟแนนซ์ของประเทศไทย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการขยายพอร์ตสินเชื่อ และปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security and Infrastructure)
CREDIT มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่ม วี.ซี.สมบัติ ถือหุ้น 60.40% 2) นายวิญญู ไชยวรรณ ถือหุ้น 6.40% และ 3) กลุ่มนายวีรเวท ไชยวรรณ ถือหุ้น 1.90% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) โดยราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Price to Book Value : P/BV) เท่ากับ 2.12 เท่า เมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) ที่ 13.70 บาทต่อหุ้น
ซึ่งคำนวณจากมูลค่าตามบัญชีของธนาคาร ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมายและตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งไม่เกินกว่ากำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการ