ส่องผลงานหุ้นไฟแนนซ์ เทียบฟอร์ม 3 บริษัทเจ้าตลาด

หุ้นไฟแนนซ์

หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ แจ้งผลประกอบการงวดปี 2566 กันออกมาแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกปีที่ดีสำหรับหุ้นกลุ่มนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ต้นทุนการเงินต่าง ๆ ขยับขึ้น และความกังวลเรื่องหนี้เสีย จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

TIDLOR “รายได้-กำไร” นิวไฮ

ล่าสุด บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) แจ้งผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า บริษัทมีผลประกอบการเติบโต ทำนิวไฮ ทั้งด้านรายได้รวม 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% และมีกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อคงค้างขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มียอดสินเชื่อรวม 97,456 ล้านบาท ขยายตัว 19.9% (YOY) ซึ่งคุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าและยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.45%

ขณะที่ธุรกิจนายหน้าประกันยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับปี 2566 มีมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% YOY

โดย “ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากกลยุทธ์การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สะท้อนจากความสำเร็จของ “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) และ “แอปพลิเคชั่นเงินติดล้อ” ที่ปริมาณการใช้งานยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมีช่องทางให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย (Omnichannel) ทั้งช่องทางออฟไลน์ผ่านช่องทางสาขากว่า 1,678 สาขา, ช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล

“สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 นี้ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันวินาศภัย”

SAWAD กำไรพุ่ง 5.2 พันล้าน

ขณะที่ “ธิดา แก้วบุตตา” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 5,254 ล้านบาท โดยมีรายได้ดอกเบี้ยราว 15,743.7 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 3,170.8 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 18,914.5 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 54% YOY

“การเติบโตในปี 2566 มาจากธุรกิจหลักสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการควบรวมกิจการของบริษัท เงินสดทันใจ ส่งผลให้รับรู้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีขยายตัวสูงที่ระดับ 98,569 ล้านบาท อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำรองลดลงเนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายสำรองพิเศษเพียงครั้งเดียวในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 จึงสนับสนุนให้ทั้งปีมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้”

ส่วนปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยยึดหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้สินเชื่อด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม ดังนั้น พอร์ตสินเชื่อปีนี้จะอยู่ในอัตราเติบโต 20-30% และคุม NPL ให้อยู่ในช่วง 3-4%

กราฟฟิก หุ้นไฟแนนซ์

“ปัจจัยหนุนคาดว่าปีนี้จะได้อานิสงส์ที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลด กอปรกับคุณภาพหนี้ที่ดีมากยิ่งขึ้นของพอร์ตโดยรวม ขณะเดียวกันมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยในบางผลิตภัณฑ์และเริ่มกลับมาโฟกัสในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอาเซียนเพิ่ม”

“ธิดา” กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจัดสรรกำไรประจำปี 2566 จ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล โดยหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 อนุมัติ บริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2567

MTC จ่ายปันผล 0.21 บ./หุ้น

“ปริทัศน์ เพชรอำไพ” รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในภาพรวมตลาดจะมีการแข่งขันสูง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ยังเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 143,318 ล้านบาท เติบโต 18.8% YOY ขณะที่รายได้รวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 24,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% YOY และมีกำไรสุทธิทั้งปี 4,906 ล้านบาท

“ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการปล่อยสินเชื่อมีความรัดกุมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้าที่มีปัญหาชำระหนี้ ตามนโยบายแก้หนี้อย่างยั่งยืนของ ธปท.”

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.21 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เม.ย. และจ่ายปันผลวันที่ 16 พ.ค. 2567

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 “ปริทัศน์” กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 20% พอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มเป็น 170,000 ล้านบาท เพื่อกระจายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านสาขาที่มีอยู่กว่า 7,500 แห่ง โดยมุ่งสร้างความเท่าเทียมทางการเงินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พัฒนาการบริการลูกค้าให้เกิดความประทับใจในทุกมิติและเป็นมาตรฐานระดับสากล และวางเป้าหมายคุมสัดส่วน NPL ให้ไม่เกิน 3.2% โดยมีแผนการจัดหาเงินทุนผ่านการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ และการออกหุ้นกู้

“ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในส่วนของภาคการบริโภคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงขาลง ในครึ่งหลังของปี 2567 เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ NIM ปรับตัวดีขึ้น”

จำนำทะเบียนปี’67 ปรับดีขึ้น

“ตฤณ สิทธิสวัสดิ์” นักวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 2567 คาดการณ์หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ 5 บริษัท (AEONTS, KTC, MTC, SAWAD, TIDLOR) จะมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 28,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% YOY โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำธุรกิจจำนำทะเบียน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากปีที่แล้วได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากรถยนต์มือสองที่ตกต่ำ โดยเฉพาะช่วงปลายปีทำให้มีผลขาดทุนจากการขายรถยึดสูง แต่ปีนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 เห็นดัชนีราคารถยนต์มือสองฟื้นตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างเร็ว ดังนั้นมองว่าผลขาดทุนรถยึดจากราคาประเมินรถยนต์มือสองจะเริ่มดีขึ้น และทำให้พวกค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรองในปีนี้คงดีขึ้น ทั้งนี้ แนะนำหุ้นที่ราคายังไม่แพง เช่น SAWAD, TIDLOR

“ทิศทางดอกเบี้ยขาลงจะเป็นบวกกับทั้งอุตสาหกรรม เพราะหุ้นไฟแนนซ์จะมีการออกหุ้นกู้เป็นระยะ ๆ เพื่อนำมาปล่อยกู้กับลูกค้า ฉะนั้น จะลดผลกระทบด้านต้นทุนทางการเงิน หนุนให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ชะลอการปรับตัวลงได้”