ไทยพาณิชย์ กางแผนปี’67 รุกรายใหญ่-ธุรกิจมั่งคั่ง ดันรายได้ค่าฟีโต 10%

ไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ กางแผนปี 2567 คาดสินเชื่อทรงตัว 1-2% เข้มปล่อยกู้บริหารความเสี่ยง เน้นรายใหญ่-การลงทุน สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม เผยซื้อกิจการ Home Credit Vietnam ตอบโจทย์การเป็น Tech Company ระดับภูมิภาค

วันที่ 6 มีนาคม 2567 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัวราว 1-2% เนื่องจากโจทย์สำคัญอยู่ที่การบริหารสินทรัพย์ และเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลลูกค้ามากขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นความเสี่ยงให้ธนาคารมากขึ้น

กฤษณ์ จันทโนทก
กฤษณ์ จันทโนทก

ทั้งนี้ แผนการเติบโต ธนาคารจะเลือกในเซ็กเตอร์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย ทั้งในส่วนมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน มีความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ฝืดและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ทำให้คนมีปัญหาในการจัดการปัญหาหนี้สิน การเก็บหนี้ทำได้ยากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อยากขึ้น จึงทำให้การเติบโตในส่วนของรายย่อยเติบโตลดลง โดยในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะเน้นในกลุ่มราคาบ้านตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป

ขณะที่สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ มองว่ายังมีโอกาสในการเติบโต ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นในตลาด ส่งผลต่อไปยังเรื่องของการแข่งขันด้านราคา ซึ่งอาจจะทำให้ผลตอบแทน (Yield) ลดลงได้จากการแข่งขันด้านราคาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ในส่วนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อาจจะไม่ได้ขยายตัว เน้นกลุ่มลูกค้ารายเดิมที่ยังขยายตัวได้

“ธนาคารต้องการรักษาสมดุลระหว่างนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา แต่ธนาคารไม่ได้เน้นสินเชื่อรายย่อยเหมือนบริษัทลูก เช่น บริษัท คาร์ด เอกซ์ หรือออโต้ เอกซ์ จะทำเพียงบ้านและรถ (ไม่รวมทะเบียนจำนำ) ดังนั้น การเติบโตใหม่ ๆ ในส่วนของรายย่อยมีไม่เยอะ ทำให้ตัวที่ต้องขับเคลื่อน คือ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ (Fee Income) ซึ่งมาจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนและประกัน หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking) ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มมากขึ้น

โดยภาพรวมจะทำธุรกิจสมดุลมากขึ้นระหว่างนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยในส่วนของบุคคลธรรมดาจะทำผ่านการสร้างธุรกิจมั่งคั่งให้แข็งแรงขึ้น เพื่อทำให้เกิด Fee Income มากกว่ารายได้ดอกเบี้ย (Interest Income) โดยรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ในปีนี้”

นายกฤษณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการที่กลุ่ม SCBX ซื้อธุรกิจ Home Credit Vietnam นั้น นับเป็นหนึ่งกลยุทธ์ของ SCBX สู่การเป็น Tech Company ระดับภูมิภาค เนื่องจากประเทศเวียดนาม มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง มีประชากรมาก และมีประชากรกลุ่มอายุน้อยมาก และราคาที่เหมาะสม ทำให้เกิดดีลนี้ได้ และก็ยังทำให้มีโอกาสต่อยอดให้กับธุรกิจได้หลายมิติ ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์เองก็มีสาขาอยู่ในประเทศเวียดนามด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถเชื่อมต่อธุรกิจกันได้ โดยธนาคารจะเน้นในการแมตชิ่งธุรกิจในไทยที่สนใจไปลงทุนในเวียดนามเป็นหลัก