จุลพันธ์เผยอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะ “กฤษฎีกา-ป.ป.ช.” โครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ใกล้เสร็จแล้ว เหลือประชุมอีก 2 ครั้ง
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งรอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะและความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งจะครบ 30 วัน ตามกรอบเวลาที่ต้องรายงานต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
นายจุลพันธ์ระบุความคืบหน้าว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการได้ศึกษารายงานความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งต้องบอกว่ายังเป็นไปตามกรอบเวลา
“คณะอนุกรรมการยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้ง หากได้ข้อสรุปความเห็นส่งกลับมาเมื่อไหร่ ก็ไม่เกิน 2 อาทิตย์คงเห็นภาพ” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า แนวคิดของ ป.ป.ช.อาจจะยังคิดว่าควรจะต้องทําเป็นลักษณะบัตรสวัสดิการรัฐ โดยใช้งบประมาณ แบ่งเป็นงวด ๆ เน้นจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งก็ไม่ตรงกับแนวนโยบายของรัฐบาล แต่ว่ารัฐบาลก็รับฟัง และก็คงมีคําตอบให้
ทั้งนี้ อนุกรรมการชุดดังกล่าว ถูกแต่งตั้งจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567
คำสั่งระบุว่า ให้มีคณะอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะและความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยให้กรอบเวลาภายใน 30 วันก่อนนำกลับมาเสนอสู่คณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง
หากนับกรอบเวลาการทำงาน ตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง คือ 15 กุมภาพันธ์ 2567 จะครบ 30 วัน ในวันที่ 16 มีนาคม 2567
