“จุลพันธ์” ตอบทุกคำถาม ดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

Chulphan

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง พิจารณารายละเอียดร่างกฎหมายภายใน 30 วัน ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นประธานกรรมาธิการคณะที่ศึกษาเรื่องนี้โดยตรง ถึงความคืบหน้า และรายละเอียดต่าง ๆ

ประเทศไทยมีความพร้อม

โดย “จุลพันธ์” กล่าวว่า เรื่องนี้ริเริ่มมาจากสภาผู้แทนราษฎร ที่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา เพื่อมาศึกษาความเป็นไปได้ของการทําเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งต้องยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ใช่กาสิโน ที่มีแต่การพนันอย่างเดียว

ขณะที่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บางประเทศ เรียกว่า อินทิเกรเต็ดรีสอร์ต หมายความว่า เป็น Business Model ใหม่ แน่นอนว่ามีส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการพนัน แต่ส่วนหลัก 95-97% จะเป็นเรื่องอื่น เป็นการสร้างความบันเทิงดึงดูดนักท่องเที่ยว จูงใจให้คนมาใช้และมาใช้จ่าย

“นี่เป็นโมเดล ที่ประสบความสําเร็จมาในหลายประเทศ เราก็มองว่า น่าสนใจ ซึ่งจากการไปศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้เห็นว่าควรจะต้องมี เพราะประเทศไทยก็มีความพร้อม เราไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศที่เขามีอินทิเกรเต็ดรีสอร์ตเลย อย่างเทียบกับสิงคโปร์ เรามีประชากรมากกว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า มีสถานที่ที่เป็นจุดดึงดูดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา ธรรมชาติ วัฒนธรรม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ทําให้เรามีข้อได้เปรียบ”

ขอเวลาศึกษา 1 เดือนเศษ

“จุลพันธ์” กล่าวว่า ครม.ได้ให้กระทรวงการคลังเป็นแม่งาน หารือร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดีอีเอส และอื่น ๆ ศึกษา แล้วเสนอกลับไปที่ ครม. ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ดี เมื่อดูในรายละเอียด ยอมรับว่า 30 วันคงไม่ทัน เนื่องจากติดช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย 2 สัปดาห์ ดังนั้น จะเร่งรัดจากนี้ คาดว่าคงใช้เวลาประมาณเดือนเศษ ในการสรุปแล้วเสนอกลับไป ครม.

Advertisment

ชูโมเดล “สิงคโปร์” ต้นแบบ

ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีกาสิโนอยู่ภายใน แต่ว่าไม่ใช่เรื่องหลัก อยากให้นึกภาพว่า จะไม่ใช่เป็นโรงแรมเป็นแท่งแล้วก็มีพื้นที่สําหรับเล่นการพนัน ไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าอันนี้จะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน ซึ่งรัฐบาลสามารถกํากับได้ เช่น บอกว่าพื้นที่นี้อยากเห็นการพัฒนา อยากจะเห็นสวนสนุกระดับโลก แบบยูนิเวอร์แซล ดิสนีย์แลนด์ อยากเห็นสนามอินดอร์สเตเดียม เพื่อจัดคอนเสิร์ตระดับโลกได้ จุคนได้ 4-5 แสนคน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่มี

“เราก็จะกําหนดว่าจะมีอะไรบ้าง เพื่อให้ทางเอกชนที่จะเข้ามาลงทุน ทำขึ้นมา เกิดสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งเราก็คงต้องมีคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา เพื่อกํากับดูแลด้วย รวมถึงการกํากับดูแลเรื่องของผลกระทบต่อสังคมในหลายมิติ ที่ต้องระมัดระวัง ทั้งเรื่องการพนัน เรื่องการฟอกเงิน โดยกระทรวงการคลังจะทําตัวกฎหมายให้ดีที่สุด แล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรที่จะช่วยกันคิด ช่วยกันทําเพื่อให้กลไกมีความเหมาะสม”

“จุลพันธ์” กล่าวว่า การศึกษาได้ดูโมเดลที่มีความสําเร็จในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้อํานาจในการเข้าไปตรวจสอบบัญชีของผู้จะเล่น เรื่องอํานาจเข้าไปดูว่าคนไหนมีพฤติกรรมการพนัน ว่าสุ่มเสี่ยงหรือไม่ รวมถึงการให้อํานาจกับครอบครัวในการที่คณะกรรมการจะห้ามบุคคลในครอบครัวเข้าไปเล่น เป็นต้น

ขณะที่การศึกษากรณีของสิงคโปร์พบว่า ก่อนที่จะทําเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เมื่อ 20 ปีที่แล้วมีอัตราการพนันผิดกฎหมายอยู่เกือบ 2% แต่หลังจากทํามาแล้วเหลือ 0.1% กว่า ๆ หรือลดลงมาเป็น 10 เท่า ดังนั้น สามารถแก้ไขการพนันผิดกฎหมายได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ก็มีเรื่องเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยว นอกจากคนเข้ามาเที่ยวมากขึ้น แล้วยังมีการใช้จ่ายต่อหัวที่สูงไม่ต่ำกว่า 40%

Advertisment

“ตัวเลขเหล่านี้ ชี้ชัดผ่านทางสิ่งที่เขาทํามาแล้ว เราก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ สภาก็มีมติเห็นชอบรายงาน และได้ลงมติส่งให้ ครม. รับมาพิจารณา”

โครงการระดับแสนล้าน

เมื่อถามถึงเม็ดเงินลงทุนในโครงการ “จุลพันธ์” กล่าวว่า น่าจะจำนวนมากอยู่ แต่สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ซึ่งอย่างที่บอกจะไม่เห็นสถานที่ลักษณะนี้ที่เป็นห้องแถว หรือเป็นตึกแท่งเดียว แล้วก็มีที่เล่นการพนันอยู่ข้างใน แต่จะเห็นโครงการขนาดใหญ่เป็นแสนล้านบาท ที่จะก่อให้เกิดการผลิต การจ้างงาน เกิดแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ให้กับประชาชน

“ที่มีบางคนไปพูด ว่ามีการตกลงกันหมดแล้ว แบ่งเค้กกันหมดแล้ว ผมฟังแล้ว ก็ตกใจ เพราะว่าประชุมอยู่ร่วมกัน แล้วมันไม่มี ผมเป็นกรรมาธิการตอนที่ประชุมในสภา ผมโดนเพื่อนในสภาด่าด้วยซ้ำ เพราะว่ากรรมาธิการชุดนี้ ไม่มีดูงาน ไม่มีการพูดคุยกับภาคเอกชนใด ๆ เราศึกษาจากตัวกฎหมาย เราศึกษาจากที่เขาประสบความสำเร็จในต่างประเทศ ไม่มีผลประโยชน์เด็ดขาด เราบอกไม่มีการคุยกับใครเลย”

ทั้งนี้ รมช.คลังยอมรับว่า โมเดลที่อยากได้ก็คือ โมเดลสิงคโปร์ ซึ่งคนที่มีศักยภาพการลงทุน น่าจะมีอยู่เยอะ อย่างไรก็ดี ที่มีชื่อเป็นข่าวออกมานั้น ต้องบอกว่าคิดกันไปเอง

“เขาคิดกันเองทั้งนั้น ฝันกันเอง ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง”

เพิ่มแหล่งรายได้ภาษีเข้ารัฐ

“จุลพันธ์” กล่าวว่า รายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมาจากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย โดยข้อเสนอของสภา มีทั้งรายได้ภาษีจากเกมมิ่ง ภาษีนิติบุคคลจากตัวบริษัท รวมถึงภาษีรูปแบบใหม่ที่กําลังคิดกัน ทั้งหมดนี้จะเป็นแหล่งรายได้ของรัฐ นอกจากนั้นผลศึกษาของสภายังมีข้อเสนอให้กันเงินส่วนหนึ่งไปเป็นกองทุนเพื่อ หนึ่ง เยียวยา สอง ช่วยเหลือด้านการศึกษา สาม อุดหนุนท้องถิ่น เป็นต้น

คลังไม่มีอำนาจกำหนดพื้นที่

สำหรับในเรื่องพื้นที่เป้าหมายนั้น “จุลพันธ์” กล่าวว่า ยังไม่มีการกำหนด ในรายงานไม่มีการกำหนด ไม่ได้กำหนดว่าต้องในกรุงเทพฯ หรือที่ไหนทั้งสิ้น หลักคิดคือ ควรอยู่ในพื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวประเภทอื่นด้วย เพราะจะไปทำอย่างลาสเวกัส อเมริกา ที่อยู่กลางทะเลทราย คงไม่ได้ เพราะรัฐจะต้องไปลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก

“จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ถนนหนทาง จะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวประเภทอื่น เพื่อที่จะเป็นแรงจูงใจ ต้องมีสถานที่พักผ่อน คือตัวโรงแรมประกอบอยู่แล้ว คือ เขาก็ต้องมีฐานของเขา แล้วจึงจะประกอบตัวเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าไปในพื้นที่ รวมถึงการคมนาคมขนส่ง เช่น สนามบินนานาชาติ ตรงนี้ต้องมี หรือรถไฟความเร็วสูง ต้องมี หรือควรจะมีอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอย่างน้อย”

ส่วนพื้นที่ไหนจะเหมาะสมนั้น “จุลพันธ์” กล่าวว่า ตรงนี้จะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ตน หรือกระทรวงการคลังในการกำหนด แต่หน้าที่คลังคือ ทําตัวกฎหมายให้มันเกิดความรอบคอบรัดกุมที่สุด