
คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
หุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-14 มิ.ย.) ปรับตัวลดลง จากปัจจัยด้านการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน
โดย “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ผ่านมา ยัง Underperform จากปัจจัยการเมืองที่ไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่เชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย โดยมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการคงดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ 2.5% เป็นทิศทางที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ย ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้
มองไปในสัปดาห์ข้างหน้า (17-21 มิ.ย.) “ภราดร” กล่าวว่า ประเมิน SET Index ช่วงต้นสัปดาห์จะผันผวน โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,280 จุด แนวต้าน 1,330 จุด ต้องติดตามปัจจัยการเมืองในหลายประเด็น ได้แก่ กรณีการยุบพรรคก้าวไกล จากนโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112, กรณีพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน, กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปพบอัยการสูงสุด ในคดีมาตรา 112 เป็นต้น
จึงมองว่าน่าจะเห็นการซึมของตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่ต่างประเทศติดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางจีน คาดว่า 1 ปี อยู่ที่ 3.45% และ 5 ปี อยู่ที่ 3.95%
“ภาพตลาด เน้นรอผลลัพธ์เรื่องการเมือง กรอบแนวรับ 1,280 จุด แนวต้าน 1,330 ถ้าผ่านไปได้ 1,350 จุด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นตอบรับเรื่องการเมือง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน หุ้นไทยตกมา 6% ต่างชาติขายไป 3.1 หมื่นล้านบาท หากมีความชัดเจนคาดว่าจะเห็นการรีบาวนด์กลับขึ้นมาได้”
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นพื้นฐานดี มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนะนำหุ้นแบงก์ ได้แก่ KBANK, BBL จากการคงดอกเบี้ยของ กนง. และหุ้นที่น่าจะเข้าคำนวณดัชนี SET50 อย่าง BJC, TIDLOR