
แบงก์รุมปล่อยกู้-เพิ่มเป้าสินเชื่อ “บ้านแลกเงิน” ชี้ปล่อยง่าย-เสี่ยงต่ำ เหตุมีหลักประกันปลอดภาระ แถมผลตอบแทนดี ชี้ผลพวงจากเศรษฐกิจฟื้นไม่ทั่วถึง “รายย่อย-เอสเอ็มอี” แห่กู้เติมสภาพคล่องพรึ่บ
นายชัยยศ ตันติพิสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ทุกธนาคารหันมาลุยตลาดสินเชื่อบ้านช่วยได้ หรือบ้านแลกเงิน (Home to Cash) กันหมด ส่วนหนึ่งมาจากตลาดบ้านใหม่ชะลอ และมีผู้ที่ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อ (Rejection Rate) ค่อนข้างมาก รวมถึงเมื่อเทียบผลตอบแทน บ้านแลกเงินก็ดีกว่าถึง 2 เท่า แถมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังค่อนข้างน้อย เพราะเป็นสินเชื่อบ้านปลอดภาระ
ขณะที่ลูกค้าก็มีความต้องการสินเชื่อประเภทนี้มากขึ้น จากจุดเด่น 2 ส่วน คือ อัตราดอกเบี้ยถูก (เฉลี่ย 6-7% ต่อปี) เมื่อเทียบกับสินเชื่อไม่มีหลักประกันประเภทอื่น และ 2.ลูกค้ามีสภาพคล่องไปลดภาระสินเชื่อบัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง 16-25% ได้ ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาขอวงเงินสินเชื่อบ้านแลกเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคล 70% และเอสเอ็มอีราว 30%
“ปีนี้บ้านแลกเงินจะยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยจะช่วยประคองพอร์ตสินเชื่อรายย่อยได้ และให้ยีลด์ที่ดีกว่า เอ็นพีแอลน้อยกว่า แต่เราก็ระมัดระวังโดยให้วงเงินต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV ราว 50-70%”
นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์และธนาคารดิจิทัล และรักษาการผู้บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ทำให้สินเชื่อบ้านแลกเงินได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์
ซึ่งลูกค้าจะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าบุคคลที่นำไปใช้จ่ายอุปโภคบริโภค หรือต่อเติมบ้าน และกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Micro SME) ที่นำวงเงินไปหมุนเวียนสภาพคล่องในธุรกิจ เพราะดอกเบี้ยค่อนข้างถูก
อย่างไรก็ดี การพิจารณาวงเงินการปล่อยสินเชื่อบ้านแลกเงิน จะอยู่ที่ LTV ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 80-95% เนื่องจากบ้านส่วนใหญ่จะมีการผ่อนชำระมาแล้วบางส่วน หรือบ้านปลอดภาระ รวมถึงพิจารณาจากสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70% ขณะที่ Rejection Rate เฉลี่ยอยู่ที่ 30-40% ต่ำกว่าสินเชื่อบ้านใหม่ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70%
สำหรับปีนี้ ซีไอเอ็มบี ไทย ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท โดยเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อบ้านแลกเงินเป็น 20% ของสินเชื่อที่มีหลักประกัน จากเดิม 13%
“ทุกธนาคารกระโดดเข้ามาและอยากปล่อยสินเชื่อประเภทนี้มากขึ้น โดยประเมินว่าปีนี้ บ้านแลกเงินน่าจะขยายตัวได้ราว 10-15% อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีความเสี่ยงไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อบ้านใหม่ แต่ธนาคารยังคงให้ความระมัดระวัง ซึ่งอาจจะมีทั้งที่ผู้กู้ไม่ผ่านและผ่าน แต่โดยเฉลี่ยอัตรารีเจ็กต์จะอยู่ที่ราว 30-40% เพราะวงเงินที่ปล่อยกู้ไปส่วนใหญ่ยืดการชำระหนี้ออกไป 15-30 ปี”
นายจเร เจียรธนะกานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) กล่าวว่า ในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ความต้องการสินเชื่อบ้านแลกเงินยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้ สินเชื่อบ้านแลกเงินจะยังเติบโตต่อเนื่อง
“ธนาคารตั้งเป้าปีนี้ สินเชื่อบ้านแลกเงินเติบโต 20% จากปี 2566 โดยมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ขณะที่คุณภาพสินเชื่อของกลุ่มนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาถือว่าเติบโตได้ตามเป้าหมายภายใต้หลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเราเห็นสัญญาณเอสเอ็มอีเข้ามาใช้บริการมากขึ้น”