
บทความโดย "สุทธสินี สุวรรณาพิสิทธิ์" ที่ปรึกษาการเงิน AFPT สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ภาษี เป็นเรื่องใกล้ตัวของคนมีรายได้ ที่ต้องจ่ายให้กับรัฐบาล การรู้ถึงกฏเกณฑ์การเสียภาษี จะทำให้เราได้ประโยชน์ในรูปเงินคืนกลับมาหาได้อย่างไม่ยากเลย แต่ความรู้ด้านภาษี ไม่ได้บรรจุในแผนการเรียนพื้นฐาน ทำให้เมื่อเริ่มมีรายได้และเป็นผู้เสียภาษี คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ก็จ่ายภาษีไปโดยขาดความรู้และขาดการวางแผนภาษี ทำให้แทนที่จะได้เงินภาษีคืน หรือจ่ายน้อยลง กลับต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น
การมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการคำนวณภาษีจึงสำคัญและจำเป็นในการวางแผนภาษีรายได้ เพราะอายุการทำงานของคนส่วนใหญ่ หากเริ่มทำงานที่อายุ 22 ปี เกษียณที่อายุเฉลี่ย 60 ปี แปลว่า มีอายุการทำงาน 38 ปี และมากพอที่จะทำให้วางแผนภาษีและใช้สิทธิประโยชน์ในส่วนลดหย่อนภาษีด้านการออมและลงทุน ที่รัฐกำหนดมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การออมและลงทุนในภาคสมัครใจ ในรูปแบบประกันชีวิต RMF SSF หรือ PVD ดังนี้
- การออมเงินในระบบประกันชีวิต ที่ลดหย่อนได้รวม 300,000 บาท (ตลอดชีพหรือออมทรัพย์100,000 บาท และแบบบำนาญ 200,000 บาท)
- การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
- การลงทุนสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund : PVD)
- ประกันสังคม เป็นการออมภาคบังคับ ที่รัฐให้นายจ้างและลูกจ้างต้องส่งเงินสมทบ โดยเกษียณอายุ 55 ปี จะมีเงินใช้หลังเกษียณ (ยังไม่รวมผลประโยชน์ด้านค่ารักษาพยาบาล และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย)
จะเห็นได้ว่า หากวางแผนการออมและลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน เราจะได้ประโยชน์ทางภาษีและเงินสะสมไว้ใช้ยามเกษียณได้อย่างดี เช่น ปัจจุบัน อายุ 30 ปี รายได้เดือนละ 50,000 บาท ปีละ 600,000 บาท โสด ไม่มีภาระใด ๆ พ่อแม่อายุ 60 ปี รับเงินเกษียณทั้งสองคน สิทธิลดหย่อนภาษีจะมีดังนี้
- หักค่าใช้จ่ายเหมา 100,000 บาท (50% ไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- ทำประกันชีวิตออมทรัพย์ 100,000 บาท
- เงินสะสมใน PVD (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ปีละ 30,000 บาท (เลือกสะสม 5% ของเงินเดือน เท่ากับ 2,500 บาท รวม 12 เดือน)
- ลงทุนใน SSF ปีละ 40,000 บาท
- ประกันสังคม 9,000 บาท
เมื่อคำนวณภาษีจะได้ดังนี้ รายได้ 600,000 หักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนรวม (100,000 + 60,000 + 100,000 + 30,000 + 40,000 + 9,000) 339,000 บาท นำ 600,000 – 339,000 = 261,000 บาท เสียภาษีรายได้ทั้งปีเท่ากับ 5,550 บาท ซึ่งการมีค่าลดหย่อนในส่วนเงินออมและลงทุนรวมต่อปี 179,000 บาท หากเทียบกับรายได้ต่อปีนั้น สัดส่วนการออมถึง 29.83% อาจกระทบสภาพคล่องในการใช้จ่ายเงินที่ลดน้อยลง
แต่หากไม่ได้ออมหรือลงทุนตามแผนด้านบน ทำให้ส่วนหักจะมีเพียงค่าใช้จ่ายเหมา 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาท รวมค่าลดหย่อนเพียง 169,000 บาท
นำ 600,000 – 169,000 = 431,000 จะเสียภาษี 20,600 บาท
จะเห็นได้ว่า ภาษีที่เสียต่างกันถึง 15,050 บาท และเงินลดหย่อนอาจใช้จ่ายหมด ไม่ได้มาเก็บออมหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอแบบคนวางแผนภาษี และเมื่อเกษียณอายุแล้ว ดังนั้น การวางแผนภาษี จึงเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับมาเป็นเงินเกษียณที่ได้เพิ่มขึ้น
ความรู้พื้นฐานในการวางแผนภาษี จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะปัจจุบันที่สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย คนวัยเกษียณมีเพิ่มมากกว่า 20% ของโครงสร้างประชากร เด็กเกิดในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และคนวัยทำงานคือกลุ่มคนที่จ่ายภาษีเข้าระบบให้รัฐบาล เพื่อใช้ในการดูแลสิทธิพื้นฐานของประชากรไทย ดังนั้น กลุ่มคนเสียภาษีจึงควรวางแผนการเงิน และวางแผนภาษีไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า