พิชัย ยันศาลนัดชี้ชะตา “เศรษฐา” ไม่กระทบ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

นายพิชัย ชุณหวชิร

“พิชัย” แจงปมศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาคดี 40 สว.ชงสอย “นายกฯเศรษฐา” ตั้ง “พิชิต” เป็นรัฐมนตรี ไม่กระทบแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เผยปัญหาการเมืองก็ต้องปล่อยให้เดินไป โครงการก็ต้องเดินหน้า

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประเด็นที่หลายส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จากคดีสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

กรณีขาดคุณสมบัติ หรือมีคุณสมบัติต้องห้าม ว่าจะส่งผลกระทบกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตหรือไม่ ว่าอยากให้แยกประเด็นปัญหาเรื่องการเมืองกับเรื่องเศรษฐกิจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่าปัญหาการเมืองยังไม่เห็นมีเรื่องไหนนิ่ง จะมีการเคลื่อนไหว มีประเด็นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ในส่วนนี้ก็คงไม่มีอะไร ต้องปล่อยให้ปัญหาการเมืองเดินไป ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ โครงการดิจิทัลวอลเลตเราก็ต้องเดินต่อไป

“ผมเชื่อว่าไม่ว่าการเมืองจะไปทางไหน ไม่ว่าใครจะมา ใครจะไป ก็คงอยากจะทำในสิ่งที่มันต้องทำกันทั้งนั้น” นายพิชัย ระบุ

ส่วนประเด็นเรื่องการใช้งบประมาณปี 2567 สำหรับทำโครงการดิจิทัลวอลเลตข้ามปีนั้น นายพิชัยกล่าวว่า อย่างที่เคยชี้แจงไปแล้วว่า โครงการไหนที่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดผลต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่น ก่อให้เกิดการลงทุน พวกนี้ถือเป็นสิ่งที่ผูกพันกับเศรษฐกิจ ถือเป็นรายจ่ายลงทุนชนิดหนึ่ง ดังนั้น โดยทั่วไปถ้าโครงการที่จะดำเนินการมีผลผูกพันกับเศรษฐกิจ และมีการยืนยันว่าจะใส่เงินเข้าไปแล้ว ก็ถือเป็นการการันตี ก็ควรจะผูกพันการใช้งบประมาณได้

สำหรับประเด็นที่รัฐบาลยังไม่ได้มีการกำหนดวันใช้จ่ายเงินดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยระบุว่าจะใช้ได้ในไตรมาส 4/2567 นั้น มองว่าอยากให้รู้ข้อมูลการลงทะเบียนที่ครบถ้วนก่อน ว่ามีคนแสดงความสนใจเท่าไหร่ มาลงทะเบียนเท่าไหร่ หากข้อมูลตรงส่วนนี้ครบถ้วนจะทำให้การตัดสินใจอะไรดูดีขึ้น

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี นายพิชัยยังระบุถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานมีแนวคิดในการแก้ไขกฎหมายภาษีน้ำมัน และดึงอำนาจในการพิจารณาเรื่องโครงสร้างภาษีน้ำมันมาดูแลเอง ว่าขอรับเรื่องนี้กลับไปพิจารณาดูก่อน

เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว โครงสร้างภาษีประเทศไทยน่าจะได้รับการทบทวนใหม่ เช่น หากลองพิจารณาระยะยาวอีก 30 ปี คนเลิกใช้น้ำมัน แล้วรัฐบาลจะเก็บภาษีที่ไหน จะเก็บอะไรแทน รัฐบาลจะอยู่อย่างไร ดังนั้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปคิดถึงข้างหน้า จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไร แก้ไขอย่างไร จะลดตัวไหน จะเพิ่มตัวไหน เป็นเรื่องที่คนดูแลเรื่องนี้จะต้องรับไปทำเป็นการบ้าน

ADVERTISMENT