
แบงก์ประเมินสินเชื่อบ้านปี’67 หดตัว ต่ำสุดในรอบหลายปี หวังเห็นเริ่มทยอยฟื้นตั้งแต่ต้นปีหน้า “กสิกรไทย” ลุ้น 2 เดือนสุดท้ายช่วยประคองไม่ให้หดตัวแรง หันเจาะกลุ่มบ้าน 5 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ “ทีทีบี” คาดปี’68 สินเชื่อทั้งตลาดโตได้ 3-4% เบนเข็มขอโตตลาด “รีไฟแนนซ์-บ้านแลกเงิน” ด้าน ธปท. จับตาหนี้เสียกลุ่มมนุษย์เงินเดือนรายได้ 3-5 หมื่นบาท ซื้อบ้าน 3-5 ล้านบาท จ่ายไม่ไหวมากขึ้น
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ในไตรมาส 3/2567 ที่อยู่ที่ 1.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 7% จากไตรมาส 2 ที่อยู่ที่ 1.44 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามฤดูกาลของธุรกิจ อย่างไรก็ดี หากเทียบไตรมาส 3/2566 ที่อยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาท ถือว่าหดตัว 17.9% สอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัว และรายได้ผู้บริโภคที่ทยอยฟื้น

อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวจากตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 3/2567 ออกมาดีกว่าคาด และหากตัวเลขไตรมาส 4/2567 ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง สินเชื่อบ้านอาจจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำจากปี 2566
“สินเชื่อบ้านปีนี้พยายามจะประคองให้ติดลบน้อยเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะคนที่ซื้อบ้านและโอนสำเร็จที่แข็งแรงพอ มีไม่มากพอชดเชยให้สินเชื่อเป็นบวกได้ ซึ่งต้องลุ้น 2 เดือนสุดท้าย เป็น 2 เดือนที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงที่มีการโอนหนัก ๆ ประมาณ 25% ของยอดทั้งปี”
ด้านภาพรวมการอนุมัติสินเชื่อ กสิกรไทยยังคงเกณฑ์เดิม ไม่ได้เพิ่มความเข้มงวด แต่จากภาพเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว รายได้ยังไม่กลับมา ทำให้ผู้กู้แข็งแรงไม่พอ โดยบ้านราคา 3-5 ล้านบาท ปัญหาจะอยู่ที่ตัวคนกู้เอง เพราะจะใช้รายได้ที่รวมค่าโอที คอมมิชชั่น แต่พอทุกอย่างไม่มีเหมือนเดิม ทำให้การผ่อนจะสะดุด ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ ว่าเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนชำระไม่ไหวในกลุ่มเงินเดือน 3 หมื่นบาท และเริ่มขยับมาในกลุ่ม 3-5 หมื่นบาท ที่มีปัญหาความอ่อนแอจากกระแสเงินสดที่ไม่เพียงพอ
“แบงก์จะพิจารณาจากรายได้ที่มีความมั่นคง เนื่องจากไม่ต้องการปล่อยสินเชื่อแล้วมีปัญหาในภายหลัง โดยเฉพาะผู้กู้ที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจหากมีแรงกระแทกเข้ามาจะกระทบได้ง่าย ดังนั้น จะพยายามเลือกในกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะไม่มีปัญหา อย่างบ้าน 5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนกลุ่มบ้านราคา 3-5 ล้านบาท จะเน้นคุณภาพของลูกค้า และดูความสามารถในการชำระหนี้”
นายจเร เจียรธนะกานนท์ ประธานกลุ่ม บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบ ปีนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบหลายปี โดยยอดสินเชื่อคงค้างขยายตัวเพียง 2-3% จากปกติจะเติบโตเฉลี่ย 5-6%
ส่วนปี 2568 มองว่า ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะปรับตัวดีขึ้น แต่อัตราการเติบโตคงไม่ได้ก้าวกระโดด คาดว่ายอดสินเชื่อปล่อยใหม่จะขยายตัวเพียง 3-4% จากสัญญาณเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้น จากภาพรวมตลาดดังกล่าว กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจธนาคารจะมุ่งเน้นไปยังตลาดบ้านรีไฟแนนซ์ และบ้านแลกเงิน เป็นหลัก โดยสินเชื่อบ้านใหม่เน้นเติบโตตามภาวะตลาด
ด้านคุณภาพสินเชื่อ หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ขยับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกันทั้งระบบ กลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มราคาบ้าน 3 ล้านบาท รายได้ 3 หมื่นบาทต่อเดือน ยังเป็นกลุ่มที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด รวมถึงกลุ่มรายได้ 3-5 หมื่นบาท ราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท ส่งสัญญาณเปราะบางขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าคุณภาพสินเชื่อน่าจะปรับดีขึ้นในปี 2568 แต่คงไม่ได้ฟื้นตัวในทุกกลุ่ม บางกลุ่มอาจจะยังไม่ดี เช่น กลุ่มได้รับผลกระทบจากสินค้าจีน เป็นต้น
“ปีนี้สินเชื่อบ้านทั้งระบบน่าจะหดตัว แต่ปีหน้าน่าจะดีขึ้น แต่คงไม่ได้โตแบบก้าวกระโดด เพราะทุกแบงก์ยังคงต้องระมัดระวัง และทำตามเกณฑ์ Responsible Lending”
ก่อนหน้านี้ นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. ระบุว่า แนวโน้มเอ็นพีแอลของสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในไตรมาส 3/2567 ที่อยู่ที่ 3.65% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2567 ที่อยู่ที่ 3.53% ซึ่งเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยเฉพาะในกลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท และเห็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท และจากเดิมจะอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม 3-5 หมื่นบาท และเป็นกลุ่มพนักงานประจำมากขึ้น