ธปท.ดีเดย์มาตรการ “ปิดปากม้า” ห้ามโอนเงินเข้า-ออกบัญชีม้า พร้อมจับตาโอนไปคริปโต

รุ่ง มัลลิกะมาส

ธปท.ยกระดับสกัดบัญชีม้า ดีเดย์มาตรการ ”ปิดปากม้า“ ห้ามโอนเงินเข้าบัญชีม้าหรือต้องสงสัย พร้อมเดินหน้าแชร์ข้อมูลนอกกลุ่มธนาคาร หลังพบ 75% เส้นทางไปบัญชีคริปโตเคอร์เรนซี เสนอตั้งคณะกรรมการผู้กำกับดูแลเป็นผู้ตัดสินร่วมรับผิดชอบ

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้มีการยกระดับมาตรการเชิงป้องกัน โดยจะมีการเพิ่มความเข้มข้นและขยายผลการจัดการบัญชีม้าต้องสงสัย เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้เชิงรุกในการป้องกันความเสี่ยง และแก้ปัญหาภัยทางการเงิน

ทั้งนี้ จะมีการยกระดับป้องกันด้วยกัน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การกวาดล้างบัญชีม้า โดย ธปท.จะมีการเพิ่มเฉดสีของม้าในส่วนของสีเทาเข้มและอ่อน และน้ำตาลเข้มและอ่อน แม้ว่าไม่มีผู้เสียหาย แต่ธนาคารเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยจะช่วยป้องกันความเสียหายของเหยื่อ และกวาดล้างบัญชีม้าได้วงกว้างมากขึ้น

2.Action เข้มข้น ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 จะดำเนินการ “ปิดปากม้า” ซึ่งจะเป็นวันแรกที่ให้ทุกสถาบันการเงินห้ามทำธุรกรรม หรือห้ามโอนเงินเข้าบัญชีต้องสงสัยเป็นบัญชีม้า โดยหากเป็นบัญชีต้องสงสัยจะไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวได้ และธนาคารจะมีการส่งแจ้งเตือนถึงผู้ใช้บริการทางการเงิน

ซึ่งปัจจุบันทำได้บางแห่ง แต่คาดว่าการเตือนจะสามารถทำได้ทุกธนาคารภายในเดือนมีนาคม และบัญชีม้าเทาเข้ม-เทา ภายในเดือนมีนาคมจะสามารถปิดปากม้า “กันเงินเข้า” ได้เช่นกัน รวมถึงม้านิติจะทำเข้มข้นมากขึ้น

และ 3.ขยายวงกว้าง โดยการตรวจจับบัญชีม้า โดยสถาบันการเงินร่วมกันแชร์ข้อมูลบัญชีม้า และบัญชีต้องสงสัยร่วมกันทั้งระบบได้ เพื่อให้เห็นบัญชีต้องสงสัยทั้งระบบร่วมกัน จากเดิมที่ธนาคารไม่สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันได้ เหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบัญชีม้าในอนาคต

ADVERTISMENT

ที่ผ่านมาจำนวนเคสที่เกิดขึ้น จะพบว่า 75% ของความเสียหายเกิดขึ้น เส้นทางถูกโอนไปบัญชี “คริปโตเคอร์เรนซี” เพื่อสกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ซึ่งอาจมีการติดรหัสเป็นบัญชีต้องสงสัย หรือนำไปสู่การสั่งระงับ การห้ามโอนเงินออกได้ เพื่อป้องกันเงินไหลออกนอกระบบ หรือไหลออกไปต่างประเทศ โดยจะมีการแชร์ข้อมูลภายในไตรมาส 1/2568

“ระยะถัดไป แต่เป็นการต่อเนื่อง โดยม้านิติก็ทำเข้มข้นขึ้น หรือบัญชีคริปโต โดยการป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพเข้าถึงเหยื่อ คือแต่ละฝ่าย ทั้งผู้เสียหาย ธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (Telco) รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ มีขอบเขตความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง และหากทำไม่ได้ก็ควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยใช้มาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลขีดไว้อย่างชัดเจน”

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ในส่วนของ พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรทางออนไลน์ หรือในความรับผิดชอบร่วมนั้น ซึ่งที่ผ่านมาศาลจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ภายใต้ พ.ร.ก.ใหม่ฉบับนี้ จะให้ผู้กำกับดูแล (Regulator) ในแต่ละหน่วยงานเป็นผู้ตัดสิน โดยแต่ละหน่วยงานจะต้องขีดเส้นกำหนดหน้าที่ให้ชัดเจน อย่างไรก็ดี ธปท.มีการเสนอกลไกให้มีคณะกรรมการของผู้กำกับในการตัดสิน