
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รายงานงบการเงิน ปี 2567 กันไปเรียบร้อยแล้ว แบงก์ใหญ่ ๆ โชว์กำไรที่ยังเติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง จากนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูการจ่ายเงินปันผล ส่วนแบงก์ไหนจะจ่ายเท่าไหร่นั้น ต้องติดตาม
คาด SCB จ่ายปันผลสูงสุด
โดย “ธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ประกาศนั้น พบว่า ผลออกมาค่อนข้างดี กำไรออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยประมาณ 2% ดังนั้น ทิศทางการจ่ายเงินปันผล ก็น่าจะดีเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ปี 2567 ของแบงก์ต่าง ๆ ดังนี้ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) คาดจ่ายปันผลสูงสุดที่ 10.40 บาท ตามมาด้วย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดจ่ายเงินปันผลที่ 8.10 บาท, บมจ.ทิสโก้ ไฟแนนเชียล (TISCO) คาดจ่ายที่ 7.50 บาท, ธนาคารกรุงเทพ (BBL) คาดจ่ายที่ 8 บาท, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) คาดจ่ายที่ 2.90 บาท, ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดจ่ายที่ 1 บาท และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) คาดจ่ายที่ 0.13 บาท
อย่างไรก็ดี บางธนาคารมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในครึ่งปีแรก จึงจะมีการจ่ายปันผลในครึ่งปีหลังที่ลดลง โดย BBL จ่ายปันผลครึ่งปีแรกแล้ว 2 บาท จะเหลือจ่ายอีก 6 บาท, KBANK จ่ายไปแล้ว 1.5 บาท เหลือจ่าย 6.6 บาท, KKP จ่ายแล้ว 1.25 บาท เหลือจ่าย 1.65 บาท, SCB จ่ายแล้ว 2 บาท เหลือจ่าย 8.4 บาท, TISCO จ่ายแล้ว 2 บาท เหลือจ่าย 5.5 บาท, TTB จ่ายแล้ว 0.7 บาท เหลือจ่าย 0.57 บาท ด้าน KTB ยังไม่จ่ายปันผลระหว่างกาล จะได้เต็มจำนวนที่ 1 บาท
“หากนักลงทุนที่ตั้งใจซื้อหุ้นปันผล อาจจะรอจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวลง ซึ่งอาจยากที่จะรู้ว่าย่อตัวลงที่เท่าไหร่ เนื่องจากระหว่างทางก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล อาจจะมีปัจจัยภายนอกและภายในที่ทำให้นักลงทุนกังวล และทำให้ราคาย่อตัวลง ซึ่งนั่นอาจจะเป็นจังหวะเข้าซื้อได้”
“ธนเดช” กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คอนเซ็ปต์ของนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพื่อหวังเงินปันผลจะเป็นการซื้อแล้วถือระยะยาว จะไม่ใช่กลุ่มที่ซื้อ ๆ ขาย ๆ ที่ไม่ได้ต้องการเงินปันผล เพียงมองว่าเงินปันผลเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลง หรือปรับเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจังหวะการซื้ออาจจะแตกต่างจากนักลงทุนที่หวังซื้อเพื่อเงินปันผล
หุ้นเด่น-แนะซื้อราคาเป้าหมาย
“ธนเดช” กล่าวว่า บล.พาย แนะนำเลือกหุ้นที่มีทั้งส่วนต่างจากราคาปัจจุบันกับมูลค่า (Upside) และจ่ายปันผลดี โดยมองว่าบางหุ้นแม้มีการจ่ายปันผลสูง แต่ Upside อาจจะจำกัด ดังนั้น หุ้นที่แนะนำซื้อ คือ BBL ราคาเป้าหมาย 172 บาท/หุ้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.5%, KBANK ราคาเป้าหมาย 180 บาท/หุ้น Dividend Yield 5.5%, TTB ราคาเป้าหมาย 2.12 บาท/หุ้น Dividend Yield 7.3% เป็นต้น ขณะที่ SCB เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสุด เพียงแต่หากมองว่า Upside อาจจะไม่สูงมาก
ทั้งนี้ บล.พาย ประเมิน กำไรสุทธิรวมปี 2568 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมกันจะอยู่ที่ 2.31 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 3.2% ซึ่งเติบโตชะลอลงจากปี 2567 ที่ธุรกิจแบงก์มีกำไรเติบโตราว 9% โดยความท้าทายของธุรกิจแบงก์ปีนี้ อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่า น่าจะลด 1 ครั้ง โดยจะทำให้รายได้หลักของธนาคารที่มาจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ไม่เติบโตมากนัก การตั้งสำรองหนี้ลดลง แต่รายได้ค่าธรรมเนียมโตได้ แต่โดยรวมยังเติบโตในอัตราที่ช้าลง
“ขึ้นอยู่กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะปรับลดหรือไม่ หากไม่ปรับลดเลยกำไรของกลุ่มธนาคารอาจจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือหากปรับลดลงมากกว่า 1 ครั้ง รายได้อาจจะน้อยกว่าที่คาดการณ์”
จังหวะดีรอรับปันผล
ด้าน “กรกช เสวตร์ครุตมัต” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ในไตรมาส 4/2567 หุ้นกลุ่มแบงก์ 7 แห่ง (BAY, BBL, KKP, KTB, SCB, TISCO, TTB) มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน (QOQ) และปรับตัวดีขึ้น 15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ซึ่งออกมาดีกว่าที่ บล.กสิกรไทยคาดการณ์ไว้ 8% และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 5%
โดยหลักมาจากกำไรของเงินลงทุนที่มีการ Mark to Market หรือการปรับมูลค่าตามราคาตลาด รวมถึงมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่น้อยกว่าคาดการณ์เหลือ 1.42% QOQ ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวลดลงเหลือ 3.6% QOQ ทำให้โดยรวมงบฯไตรมาส 4/2567 ถือว่าออกมาค่อนข้างดี ซึ่งสำหรับนักลงทุนที่คาดหวังจากการรับเงินปันผล จึงมองว่าช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดี
โดยคาดการณ์การจ่ายเงินปันผล (รวมเงินปันผลระหว่างกาล) ดังนี้ BAY จ่ายปันผลที่ 0.81 บาท, BBL คาดจ่ายที่ 8.29 บาท, KKP คาดจ่ายที่ 3.5 บาท, KTB คาดจ่ายที่ 1.25 บาท, SCB คาดจ่ายที่ 10.40 บาท, TISCO คาดจ่ายที่ 7.75 บาท และ TTB คาดจ่ายที่ 0.13 บาท
“หุ้นที่มองว่าน่าลงทุนจากการปันผล แนะนำ SCB, TISCO คาด Dividend Yield 7-8% และ TTB ที่ให้ Yield ประมาณ 7%”
“กรกช” กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2568 ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไรหุ้นกลุ่มแบงก์จะลดลง 2% YOY โดยหลัก ๆ ถูกกดดันจาก NIM ที่ลดลง ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ลงอีก 2 ครั้ง รวมถึงคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตได้ไม่ดีมากนัก หรือโตได้ประมาณ 1.5-2%
“ดังนั้น ภาพรวมมองว่าปีนี้กลุ่มธนาคารจะมาเน้นการจ่ายเงินปันผล การซื้อหุ้นคืน การบริหารจัดการเงินทุนส่วนที่เหลือ เพราะความต้องการเงินทุนที่จะไปปล่อยกู้ไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้น ในมุมผู้ถือหุ้นอาจจะได้ผลตอบแทนมาในด้านการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น หรือการซื้อหุ้นคืนหากลงทุนในส่วนนี้ อาจจะได้กำไรมากกว่ากำไรธนาคารที่คาดว่าจะเติบโตในปีนี้”