
บล.กรุงศรี เผย หุ้นไทยปิดตลาดดิ่ง 15 จุด รับแรงกดดันหุ้น DELTA-AOT จีดีพีไทยไตรมาส 4/68 โตต่ำกว่าคาด พบ DELTA -23% กดมาร์เก็ตแคปวูบวันเดียว 3.3 แสนล้าน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานสรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้เปิดโดดลงและทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1,236.80 จุด (-35.30 จุด) และมีแรงซื้อเข้ามา โดยปิดตลาด -15.62 จุด หรือ -1.23% ปิดที่ระดับ 1,256.48 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวม 5.63 หมื่นล้านบาท
สำหรับแรงกดดันมาจากหุ้น DELTA, AOT และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานอัตราการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทย (GDP Growth) ไตรมาส 4/2567 ต่ำกว่าคาด โดยเซ็กเตอร์ที่หนุนดัชนีคือ กลุ่มกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB) ค้าปลีก CPAXT กลุ่มพลังงาน PTTEP ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, CCET) กลุ่มขนส่ง AOT ฯลฯ
โดยหุ้น DELTA -23.4% ปรับลงรับงบการเงินไตรมาส 4/2567 ต่ำคาด และการประชุมช่วงเช้า Key takeaways ออกมาโทนลบ เป้าการเติบโตของรายได้ double digit growth ในปี 2568 มีความท้าทายมากขึ้น จากตลาด EV ที่อาจจะไม่โต ฯลฯ ประเด็นภาษี GMT อาจจะทำให้กำไรปี 2568 ของ DELTA ทำได้เพียงทรงตัวหรือเติบโตได้เพียงเล็กน้อย กระทบต่อราคาหุ้นและยังมี Downside บนกำไรต่อหุ้น (EPSX และ P/E multiple อยู่มาก โดยวันนี้หุ้น DELTA มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ปรับตัวลดลง 330,556 ล้านบาท เหลือ 1,078,985 ล้านบาท เทียบจากวันก่อนหน้าอยู่ที่ 1,409,541 ล้านบาท
AOT -7.98% หุ้นปรับลงผิดหวังงบฯไตรมาส 1/2568 ต่ำคาด และงาน Analyst meeting โทนเป็นลบ รายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์มี Downside เนื่องลูกค้าบางรายเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64.50 บาท ราคาหุ้น AOT ลดลงใกล้กรณี Worst case หากต้องยกเลิกสัญญา King Power ขณะที่ประเมินมีความเป็นไปได้น้อย จากอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวหนุน King Power กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ หุ้น AOT ยังมี Upside 10-20% จากการเรียกเก็บ PSC transit/transfer และขึ้นค่า PSC จึงมองเป็นโอกาส “ทยอยสะสม”
TOP +7.7% หุ้นปรับขึ้นรับรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 2,767 ล้านบาท สูงกว่าเราและตลาดคาด ฟื้นสูงเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQX จากขาดทุนสต๊อก (stock loss) ที่ลดลง และปัจจัยฤดูกาลหนุนค่าการกลั่น +38% QOQ มาที่ 5.1 เหรียญ/บาร์เรล และเป็นโอกาสลงทุนระยะยาว ธุรกิจหลักอย่างโรงกลั่นฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2568-2569 และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend yield) ที่อยู่ในระดับสูง ราคาเป้าหมาย 33 บาท
MTC +6.3%, GULF +0.43% จิตวิทยาบวกบอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปีอ่อนตัวลง -6 bps หนุนหุ้นโรงไฟฟ้า และกลุ่มการเงิน โดย MTC คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 และปี 2568 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 คาดที่ 1,510 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น +12% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และ +1% QOQ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 58 บาท และคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม Consumer Finance
GFPT +12%, CPF +4.3% ได้ Sentiment บวกจากอานิสงส์จากข่าวไข้หวัดนกสหรัฐ ที่อาจกดดันด้าน supply ในตลาดโลกลดลง โดยปัจจุบันสหรัฐเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่อันดับ 1 ของโลก และส่งออกเป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล อย่างไรก็ตามในแง่ของ Supply ไก่ปู่ย่าพันธุ์ของบริษัทจดทะเบียนในไทย ทาง GFPT ซื้อไก่ปู่ย่าพันธุ์จากนิวซีแลนด์เป็นหลัก
ส่วน CPF ซื้อจากสหรัฐ, ยุโรป และออสเตรเลีย ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยง เนื่องจากไข้หวัดนก เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ประจำ จึงมองว่า Supply ยังไม่ลดลง เพราะซื้อจากหลายแหล่ง ยังคงเลือก CPF ราคาเป้าหมาย 27.40 บาท เป็น Top pick จากแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัวทั้งไก่ หมูไทย เวียดนาม ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ในระดับต่ำ และรองลงมาคือ GFPT ราคาเป้าหมาย 13.80 บาท ราคาไก่ฟื้นเร็ว และ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ