สำรวจ 3 ปัจจัย ทำไมหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2025

US stocks
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : สวภพ ยนต์ศรี บลจ.ทิสโก้

ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยของสหรัฐเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐ โดยถึงแม้ว่าในช่วงที่ตลาดการลงทุนผันผวน รายได้ของบริษัทในกลุ่มการเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนอาจจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง

แต่ส่วนต่างจากดอกเบี้ยที่ได้รับ รวมถึงการที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้บริษัทในกลุ่มการเงินของสหรัฐสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และ ณ ปัจจุบัน ถึงแม้ดูเหมือนว่าวัฏจักรของดอกเบี้ยสหรัฐจะเริ่มกลับมาเป็นขาลง แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่รอสนับสนุนหุ้นในกลุ่มการเงินของสหรัฐให้มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นั่นก็คือ 1.นโยบายของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เน้นผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่ควบคุมการทำธุรกิจของสถาบันการเงิน 2.ผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และ 3.การที่รายได้จากกลุ่มการเงินของสหรัฐมาจากในประเทศเป็นหลัก จึงถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างจำกัด

นโยบายของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เน้นผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่ควบคุมการทำธุรกิจของสถาบันการเงิน

ท่าทีที่แสดงอย่างชัดเจนของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ คือการใช้นโยบายผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และสนับสนุนให้บริษัทเอกชนของสหรัฐทำธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงกลุ่มการเงิน ที่นับตั้งแต่การเกิดวิกฤต Hamburger Crisis ในปี 2008 เป็นต้นมา

กลุ่มการเงินของสหรัฐ โดยเฉพาะธนาคารต่าง ๆ ได้ถูกควบคุมการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตซ้ำรอยเหมือนเมื่อปี 2008 อีก โดยในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก (ปี 2017-2021) Trump ได้ดำเนินการผ่อนคลายกฎระเบียบที่ควบคุมสถาบันการเงินหลายประการ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย Dodd-Frank ซึ่งถูกบังคับใช้หลังวิกฤตการเงินปี 2008 กฎหมายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน

ADVERTISMENT

โดยในปี 2018 Trump ได้ลงนามในกฎหมายที่ผ่อนคลายข้อกำหนดสำหรับสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ธนาคารเหล่านี้ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดเช่นเดิม

นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกบางส่วนของกฎ Volcker Rule ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย Dodd-Frank ที่ห้ามสถาบันการเงินซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อประโยชน์ของตนเอง (Proprietary Trading) หรือมีความสัมพันธ์กับกองทุน Hedge Fund และ Private Equity Fund โดยในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของ Trump การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่มากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มให้กลุ่มการเงินมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้นกว่าเดิม

ADVERTISMENT

ผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ในการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2024 กลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่มีกำไรเติบโตมากที่สุดในดัชนี S&P500 โดยมีกำไรต่อหุ้นเติบโตได้ถึง 51.2% (ข้อมูลจาก FactSet ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025) ซึ่งในภาพรวมนอกจากประโยชน์ที่ได้จากดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้นแล้ว การฟื้นตัวขึ้นของตลาดทุนยังทำให้กลุ่มการเงินที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ และวาณิชธนกิจ มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ในปี 2025 คาดว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มการเงินอาจจะเติบโตได้ชะลอลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรต่อหุ้นของกลุ่มการเงินในปี 2025 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 9.3% ต่อปี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องไม่ลืมว่าท่าทีของ Fed ที่แสดงออกมาว่าในปีนี้อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไม่ได้เร็วเหมือนที่หลายฝ่ายคาดไว้ในตอนแรก

ก็จะยิ่งทำให้กลุ่มการเงินยังคงได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูง และนโยบายต่าง ๆ ของ ปธน.Trump ที่ส่งเสริมและสนับสนุนตลาดทุน ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มการเงินเติบโตได้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในปีนี้

การที่รายได้จากกลุ่มการเงินของสหรัฐมาจากในประเทศเป็นหลัก จึงถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างจำกัด

ความเสี่ยงสำคัญของโลกการลงทุนในปีนี้ คือประเด็นสงครามการค้า ซึ่งการที่ประธานาธิบดี Trump ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ก็ทำให้มีความเสี่ยงที่ชาติต่าง ๆ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้เช่นกัน ดังนั้น หุ้นสหรัฐที่มีรายได้หลักมาจากในประเทศเองเป็นหลัก ถือว่าจะเผชิญความเสี่ยงนี้อย่างจำกัด

ซึ่งหุ้นกลุ่มการเงินมีรายได้จากในประเทศสหรัฐเองในสัดส่วนที่สูง โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg พบว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด รายได้จากกลุ่มการเงินของสหรัฐมีรายได้จากในประเทศเองสูงถึง 72% สูงกว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทในดัชนี S&P500 โดยรวม ซึ่งมีรายได้จากในประเทศเฉลี่ยที่ 58%

ดังนั้น หากประเทศต่าง ๆ ตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้า หรือออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ กลุ่มการเงินถือว่าจะได้รับผลกระทบอย่างจำกัด

และนี่ก็คือเหตุผล 3 ข้อที่หุ้นในกลุ่มการเงินของสหรัฐยังจะมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2025 นี้