
สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดข้อมูลกรมธรรม์ที่คุ้มครอง “ภัยจากแผ่นดินไหว” แนะผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในเขตพื้นที่ประสบภัย ตรวจสอบกรมธรรม์ ถ้ามีความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวให้รีบแจ้งความเสียหายแก่บริษัทประกันทันที เพื่อประโยชน์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ภาคธุรกิจประกันวินาศภัยพร้อมดูแลผู้เอาประกันภัย แจ้งเบอร์สายด่วนทุกบริษัทรองรับความช่วยเหลือ
สมาคมประกันวินาศภัยไทย รายงานว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. ส่งผลให้เกิดการสั่นไหวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และขอส่งความห่วงใยให้ผู้เอาประกันภัย รวมถึงประชาชนทั่วไป พร้อมแนะนำให้เตรียมพร้อมรับมือกับภัยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น โดยขอให้ผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในเขตพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่ามีความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวหรือไม่ ถ้ามีความคุ้มครองให้รีบแจ้งความเสียหายแก่บริษัทประกันภัยทันที เพื่อประโยชน์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหว ได้แก่
1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวเฉพาะกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือ กรมธรรม์ประเภท 2+ / 3+ (เฉพาะกรมธรรม์ที่ขยายความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเท่านั้น)
2. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว
3. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว เฉพาะกรมธรรม์ที่ซื้อความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพิ่มเติมเท่านั้น
4. กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk: IAR) ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว
5. กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาการก่อสร้าง (Contract Work Insurance: CWI) ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว
ทั้งนี้ สมาคมฯ มีศูนย์ประสานงานระหว่างบริษัทประกันภัยและประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การตรวจสอบข้อมูลกรณีกรมธรรม์สูญหาย หรือรายละเอียดความคุ้มครองผ่านทางสื่อออนไลน์ บนเพจ Facebook สมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เบอร์สายด่วนของทุกบริษัทประกันภัยให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง
“ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และภัยจากแผ่นดินไหวถือเป็นความเสี่ยงที่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ด้วยการทำประกันภัย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน โดยก่อนตัดสินใจซื้อควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครอง และรายละเอียดของข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่สอดคล้องกับความเสี่ยงภัยมากที่สุด”
ธุรกิจประกันวินาศภัยถือเป็นธุรกิจที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทยจึงขอแจ้งเตือนผู้เอาประกันภัย รวมถึงประชาชนโดยทั่วไปและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการพิจารณาเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนโดยรวม ทั้งนี้ ธุรกิจประกัน วินาศภัยพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างผู้เอาประกันภัยในการร่วมบริหารความเสี่ยงในทุกสถานการณ์ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยสามารถก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตไปได้ด้วยกัน
โดยอ้างอิงข้อมูลจาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัย จะเป็นการให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ทำประกันภัยเต็มวงเงินที่เอาประกันภัย (100% ของราคาสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สิน) โดยให้ความคุ้มครอง 6 ภัยพื้นฐาน ประกอบด้วย ภัยไฟไหม้ ภัยฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม)
และ 4 ภัยธรรมชาติ ประกอบด้วย ภัยลมพายุ ภัยแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นใต้น้ำหรือสึนามิ ภัยน้ำท่วม ภัยจากลูกเห็บ (คุ้มครองทุกภัยรวมกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี) ระยะความคุ้มครองแบบต่อปี
โดยทรัพย์สินที่เอาประกัน คือ อาคารบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง (ไม่รวมฐานราก) และทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้าง (ไม่รับประกันห้องแถวไม้ และห้องแถวครึ่งตึกครึ่งไม้)
ดังนั้นใครที่อยู่อาศัยหรืออาคารได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว แล้วมีประกันอัคคีภัยให้เอากรมธรรม์มาเปิดดู เพราะจะมีพ่วงความคุ้มครองภัยธรรมชาติ ซึ่งแผ่นดินไหวเป็นหนึ่งในนั้น โดยความคุ้มครองมากน้อยขึ้นอยู่กับการซื้อเพิ่มหรือไม่ แต่เริ่มต้นความคุ้มครองอยู่ที่ 20,000 บาทต่อปี ทั้งนี้แนะนำให้อ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ ถ่ายรูปและคลิปความเสียหาย แล้วติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อเคลมค่าสินไหม
สำหรับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ อ้างอิงข้อมูลจาก บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หากรถที่ทำประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สำหรับรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ไว้ จะได้รับความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น กรณีน้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และลมพายุ (แนะนำให้เช็กรายละเอียดในกรมธรรม์)
แต่สำหรับรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 2, ประเภท 3 หรือประเภท 2+ จะไม่ได้รับความคุ้มครองในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม หากผู้เอาประกันภัยที่มีความสนใจจะทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 2, ประเภท 3 หรือประเภท 2+ แบบเพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติเช่นเดียวกับประเภท 1 ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยการขอชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเพื่อขยายความคุ้มครองดังกล่าว หรือโดยการเลือกซื้อแผนประกันภัยต่าง ๆ ตามที่บริษัทประกันภัยกำหนดไว้