ภาษีทรัมป์ชนวนเศรษฐกิจถดถอย ทุบหุ้นโลกทรุด-ตลาดเอเชียเช้านี้ดิ่งหนัก

ตลาดหุ้นร่วง-sell sell
แฟ้มภาพ

ภาษีทรัมป์จุดชนวนเศรษฐกิจถดถอย ทุบหุ้นโลกทรุด-ตลาดเอเชียเช้านี้ดิ่งหนัก “ญี่ปุ่น-ไต้หวัน” งัดใช้มาตรการ Circuit Breaker จำกัดขายชอร์ต ด้านวอลล์สตรีตเตรียมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ “Black Monday” ซ้ำรอยปี 1987

รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศกล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดหนักท่ามกลางผลกระทบจากมาตรการภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นักลงทุนกังวลจะนำไปสู่ความเสี่ยงจุดชนวนให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคมนี้

โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq และ Dow Jones ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของสหรัฐ มีแนวโน้มจะเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ด้วยการร่วงลงมากถึง 6% นักวิเคราะห์เกรงว่าการสูญเสียมูลค่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้วอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

และในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2568 ในเอเชีย ซึ่งตรงกับคืนวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นร่วงหนักถึง 8% ออสเตรเลียลดลง 6% เกาหลีใต้ 5% ไต้หวันเกือบ 10% สิงคโปร์ 8.5% ฮ่องกง 10% และจีนเกือบ 5%

โดยตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นและไต้หวัน ต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker หยุดการซื้อขายชั่วคราวเพื่อหยุดการขายที่ตื่นตระหนก โดยในญี่ปุ่นระบบ “Circuit Breaker” หยุดการซื้อขายเป็นเวลา 10 นาที เมื่อฟิวเจอร์สของดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด กำลังจะตกลงมากกว่า 8%

ส่วนดัชนี Taiex ของตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันร่วงลง 9.8% เป็นจุดต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 ปี ทางการจึงได้ประกาศมาตรการจำกัดการขายชอร์ตชั่วคราวเพื่อลดความผันผวน

ADVERTISMENT

กลับมาที่วอลล์สตรีตกำลังเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ “Black Monday” ซ้ำรอยปี 1987 โดยการเทขายอย่างรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจดูเบาบางเมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะกล่าวในคืนวันอาทิตย์ว่า “ผู้นำทั่วโลกอยากเจรจาข้อตกลงใจจะขาด” แต่ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐ รวมถึงดัชนีหุ้นหลักในเอเชียกลับร่วงลงอย่างหนัก

จิม แครมเมอร์ นักวิเคราะห์ เตือนว่า สหรัฐอาจกำลังมุ่งหน้าสู่เหตุการณ์ “Black Monday” อีกครั้ง ซ้ำรอยปี 1987 ซึ่งเหตุการณ์ตลาดหุ้นถล่มในปี 1987 ดัชนีร่วงลง 22.6% ในวันเดียว ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นยุคใหม่ รุนแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์วิกฤตปี 2008 หรือแม้แต่ตอนปีโควิดอีกด้วย

ADVERTISMENT

“ถ้าทรัมป์ไม่ผ่อนปรนภาษีกับประเทศที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ล่ะก็ เหตุการณ์แบบปี 1987 ที่ตลาดหุ้นร่วงลง 3 วันติดต่อกันก่อนจะดิ่งลงอีก 22% ในวันจันทร์ อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง” แครมเมอร์กล่าว

คาเรน จอร์ริตส์มา หัวหน้าฝ่ายตราสารทุนประจำออสเตรเลียของ RBC Capital กล่าวว่า “ทรัมป์เป็นคนพาเรามาอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่คำถามคืออะไรจะพาเราออกไปได้ ถ้าไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะออกจากสถานการณ์นี้อย่างไร หรือไม่มีตัวจุดชนวนที่จะทำให้เรื่องนี้จบลง นั่นแหละคือสิ่งที่กังวลที่สุด คิดว่าเขารู้สึกว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้ แต่ความจริงคือ เขาควบคุมไม่ได้เลย เขาได้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว โดยการเทขายในตลาดหุ้นครั้งนี้ เทรดเดอร์ต่างหวั่นเกรงว่ามาตรการภาษีจะนำไปสู่ภาวะถดถอยทั่วโลก”

โทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ในซิดนีย์ กล่าวว่า “มันเลยเถิดไปแล้ว ตอนนี้จีนเข้ามาต่อสู้กับสหรัฐ ทำให้สถานการณ์เช้านี้เลวร้ายลงไปอีก เพราะการที่ทรัมป์และเบสเซนต์ (ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ) ไม่แสดงความวิตกใด ๆ กับความปั่นป่วนในตลาดหุ้นเลย ดังนั้นถ้าไม่มีการถอยหลังหรือลดทอนคำประกาศที่ออกมาก่อนหน้านี้ เราอาจจะกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่วิกฤตสภาพคล่อง และเงินทุนจะไหลออกจากตลาดอย่างรุนแรงในทุกสินทรัพย์ เราเริ่มเห็นสัญญาณนั้นแล้ว และจะได้เห็นแน่ ๆ ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาเป็นราชาอีกครั้ง”