
คอลัมน์ : สถานีลงทุน ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส
ราคาทองคำ Spot เดือนพฤษภาคมมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง และปรับลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์แตะ 3,200 ดอลลาร์ หลังจากปรับขึ้นร้อนแรงทำ All Time High ที่ 3,500 ดอลลาร์ และราคาทองแท่งขึ้นไปทำ All Time High ที่ 54,800 บาท ในวันที่ 22 เมษายน
เนื่องจากนักลงทุนกังวลความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยเพิ่มขึ้น สงครามการค้าโลกที่รุนแรง โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 145% จีนเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐกลับโดนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 125%
แต่สงครามการค้าโลกที่ผ่อนคลายลง หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับประเทศคู่ค้าอย่างเช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ล่าสุดวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรแล้ว ที่สำคัญคือจะเริ่มเปิดฉากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ประเมินว่าสงครามการค้าที่ร้อนแรงได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ต่อจากนี้ไปน่าจะเริ่มผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ ทำให้ความต้องการทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้เองกองทุน Hedge Fund ขนาดใหญ่มียอดซื้อสุทธิหรือ Net Buy ลดลงจนเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี สะท้อนให้เห็นว่าแรงซื้อทองคำเริ่มลดน้อยลง
ไตรมาส 1 นักลงทุนจีนซื้อทองคึกคัก ธนาคารกลางซื้อแข็งแกร่ง
ความต้องการลงทุนทองคำทั่วโลกไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 552 ตัน เป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2565 เพิ่มขึ้นสูงถึง 170% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 226 ตัน ส่วนความต้องการทองคำแท่งได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนรายย่อยในจีนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และนับเป็นไตรมาสสูงที่สุดในประวัติการณ์เป็นอันดับ 2
ดังนั้น อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจากนักลงทุนรายย่อย ไตรมาส 1 ธนาคารกลางยังเข้าซื้อทองคำสูงถึง 243.7 ตัน และในเดือนเมษายน ธนาคารกลางจีนซื้อทองติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ทั้งนี้คาดว่าแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งอยู่ และเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
Fed อยู่ในโหมด Wait & See ก่อนลดดอกเบี้ย แต่เตือนเสี่ยงเกิด Stagflation
ตลาดทองคำกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ การประชุมเฟดวันที่ 6-7 พฤษภาคม ตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ถึงแม้ว่าเจอแรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการให้เฟดลดดอกเบี้ยทันที ซึ่งประธานเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น และสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย
ดังนั้นต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจและผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า แต่แถลงการณ์ของเฟดได้เตือนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการเกิดภาวะ Stagflation มุมมองของตลาดคาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 0.75% หรือ 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% คาดว่าน่าจะเป็นครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม กันยายน และธันวาคม
ทองคำจะลงไปอีกหรือไม่
แนวโน้มราคาทองคำ Spot ในระยะสั้นคาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากสงครามการค้าโลกที่ผ่อนคลายลง ต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีความคืบหน้าหรือไม่ ซึ่งถ้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยืดเยื้อและใช้เวลากว่าที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าได้ จะทำให้ราคาทองฟื้นตัวขึ้นได้ แต่ยังต้องระวังแรงเทขายและความผันผวนของราคา
ดังนั้นแนะนำขายทำกำไรที่ 3,400/3,435 ดอลลาร์ และทยอยสะสมที่ระดับ 3,200/3,150/3,100 ดอลลาร์