
ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า หลังสหรัฐโจมตีอิหร่าน
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (23/6) ที่ระดับ 32.88/89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (20/6) ที่ระดับ 32.75/76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าหลังจากสหรัฐตัดสินใจถล่มโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่ง
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้กล่าวเตือนอิหร่านว่า ถ้าอิหร่านยังไม่สร้างสันติภาพ อาจจะเกิดการโจมตีที่รุนแรงขึ้นในอนาคต และยังขู่เพิ่มว่าหากสันติภาพยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ทางสหรัฐจะพุ่งเป้าไปยังเป้าหมายอื่นด้วยความรวดเร็ว
ขณะที่นายเซย์เยด อับบาส อารักชี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เปิดเผยว่า การที่สหรัฐโจมตีอิหร่านนั้นจะส่งผลกระทบใหญ่ตามมาไม่รู้จบ และอิหร่านเองเตรียมทำทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้โดยไม่สนคำขู่จากสหรัฐ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการตอบโต้กลับของอิหร่าน โดยมีการคาดการณ์ว่าอิหร่านอาจจะโจมตีบุคลากรทางทหารของสหรัฐ หรืออาจจะเป็นการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะเป็นการขัดขวางการส่งน้ำมันทั่วโลก
โดยช่องแคบดังกล่าวมีสัดส่วนการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นปริมาณ 1 ใน 5 ของทั้งโลก
นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ (20/6) มีการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board ว่ามีการปรับตัวลง 0.1% ในเดือน พ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ, เงินเฟ้อรวมถึงตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยรายงานนโยบายการเงินฉบับล่าสุดจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าผลกระทบจากภาษีนำเข้าจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐนั้นยังพึ่งส่งผลกับเศรษฐกิจสหรัฐ และยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจน
ดังนั้น เฟดจึงยังไม่เร่งดำเนินนโยบายทางการเงินในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่ามาตรการภาษีนำเข้านั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้เงินเฟ้อในหมวดทั่วไปมีการขยายตัว สังเกตได้จากรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าหลายหมวดในช่วงปีนี้
โดยเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อจะชัดเจนขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และเจ้าหน้าที่เฟดอีกส่วนใหย่ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐ จะยังคงชะลอตัวในระยะสั้น ควบคู่กับอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.5% ภายในปีนี้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ (23/6) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า รัฐบาลจะขยายเวลาการลงทะเบียน “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ซึ่งเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs ที่ต้องการความช่วยเหลือในการจัดการภาระหนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้จะมีการปรับเกณฑ์ของโครงการเพื่อครอบคลุมการช่วยเหลือมากขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้นกำลังทำข้อสรุปความเหมาะสมของเกณฑ์ต่าง ๆ และจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป อีกหนึ่งปัจจัยที่ขยายเวลาการลงทะเบียนคือการที่เศรษฐกิจนั้นมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่พบปัญหาในการชำระหนี้
ทั้งนี้ ตลาดจับาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/68 ที่จะเกิดขึ้นในพุธนี้ (25/6) โดยตลาดคาดการณ์ว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.81-33.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 33.01/02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (16/6) ที่ระดับ 1.1488/91 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (13/6) ที่ระดับ 1.1526/28 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยวันนี้ (23/6) S&P Global เปิดเผยกิจกรรมภาคเอกชนของฝรั่งเศสที่มีการหดตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาคการผลิตและภาคบริการซบเซาลง
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคบริการและภาคการผลิตขั้นต้นของฝรั่งเศสปรับตัวลง และต่ำกว่าที่คาดการณ์ทั้งสองรายการ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของยูโรโซนทรงตัวตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากภาคการผลิตนั้นยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวแต่อย่างใด ขณะที่ภาคบริการมีการปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1456-1.1521 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1465/67 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (16/6) ที่ระดับ 146.48/49 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (13/6) ที่ระดับ 145.33/34 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ วันนี้ (23/6) มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน มิ.ย. จาก au Jibun Bank ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 50.4 โดยมีการรายงานว่า ภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัว หลังจากหดตัวต่อเนื่องเป็นเวลา 11 เดือน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกและภาษีศุลกากรของสหรัฐ ส่งผลให้อุปสงค์ในการผลิตยังคงซบเซา ในส่วนของดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือน มิ.ย. ขยายตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.5 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจใหม่ที่การเติบโต ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยูในกรอบระหว่าง 145.92-147.82 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.80/81 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือน มิ.ย. จาก S&P Global ของสหรัฐ (23/6), ยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ค.ของสหรัฐ (23/6), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. จาก Conference Board ของสหรัฐ (24/6),
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานสรุปความคิดเห็น (25/6), ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค. ของสหรัฐ (25/6), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (25/6), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (26/6), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค.ของสหรัฐ (26/6), ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 ของสหรัฐ (26/6), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ค.
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.4/-7.2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2/-1 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ