อลิอันซ์ควบรวมศรีอยุธยาฯเปลี่ยนชื่อเป็น “อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย” หนุนเบี้ยขยับเป็น 6.5 พันล้าน

อลิอันซ์ควบรวมศรีอยุธยาฯเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย” หนุนเบี้ยขยับเป็น 6.5 พันล.ขึ้นแท่นเบอร์ 10

“อลิอันซ์ประกันภัย” (AZTH) ควบรวม “ศรีอยุธยาเจนเนอรัลประกันภัย” (SAGI) เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย” (AAGI) หนุนเบี้ยรวมขยับเป็น 6.5 พันล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์ 10 ในธุรกิจประกันวินาศภัย ด้าน “ไบรอัน” ระบุ อลิอันซ์เข้าถือหุ้น “บมจ.อลิอันซ์อยุธยาแคปปิตอล” เพิ่ทเป็น 45% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด คืนไลน์เซ้นส์ 1 ใบ ลงทุนดิจิทัล หนุนตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย พร้อมวางเป้าดันเบี้ยรับรวมธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยโต10% ปีนี้ โดย AAGI โต 6%

นายไบรอัน สมิธ ผู้จัดการอลิอันซ์ ประจำประเทศไทย และในฐานะประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์อยุธยา แคปปิตออล และ บมจ.อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต เปิดเผยว่า การควบรวมบริษัทระหว่าง บมจ.ศรีอยุธยาเจนเนอรัลประกันภัย (SAGI) และบมจ.อลิอันซ์ประกันภัย (AZTH) บริษัทได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย (AAGI) และได้เปลี่ยนชื่อโฮลดิ้งส์เป็น “บมจ.อลิอันซ์อยุธยาแคปปิตอล” (AACP) จากเดิมที่ชื่อ บมจ.ศรีอยุธยาแคปปิตอล (AYUD) แต่จะยังคงจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อย่อ “AYUD”

ทั้งนี้ การควบรวมจะทำให้บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมมาอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 10 ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าจากเดิมที่ SAGI จะมีเบี้ยรับประกันภัยรวมที่ 3.5 พันล้านบาท และ AZTH มีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 19 และ 20 ตามลำดับ โดยปัจจุบันอลิอันซ์ได้เข้าไปถือหุ้นเพิ่มใน AACP เป็น 45% จากเดิมที่ถืออยู่ 14% ซึ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ดีขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการคืนใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจประกันภัยแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไปแล้ว 1 ใบ

“เราอยากโตในธุรกิจประกันวินาศภัย ทำให้ต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องนำดิจิทัลเข้ามาช่วยแม้จะต้องอาศัยเงินลงทุนสูง แต้ถ้ายังเป็นบริษัทเล็กลงทุนไปก็อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับบริษัทที่มีขนาดใหญ่” นายไบรอันกล่าว

หลังจากนี้ยังมีงานที่ต้องเราต้องทำอีกมาก โดยทำอย่างไรเมื่อควบรวมกันแล้วจะ “ไม่มีรอยต่อ” สามารถบริการลูกค้าที่มีมากกว่า 1 ล้านคนได้อย่างเต็มที่ อย่างคอลเซ็นเตอร์จะเป็นเบอร์เดียวที่สามารถใช้งานได้ร่วมกัน และสนับสนุนให้ตัวแทนสอบใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์ได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยคาดว่าปีนี้เบี้ยประกันภัยรับรวมในธุรกิจประกันวินาศภัยและธุรกิจประกันชีวิตของบริษัทรวมกันแล้วจะโตประมาณ 10% โดยบมจ.อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย (AAGI) จะเติบโต 6% ซึ่งโตเร็วกว่า บมจ.อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต (AZAY) ที่โตราว 4%

นายโซลมาซ อัลทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอลิอันซ์ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การควบรวมครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งของอลิอันซ์ เพราะถือเป็นการขยายกลยุทธ์ในการเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งปัจจุบันไทยถือเป็นตลาดเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอลิอันซ์เอเชียและมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยขณะนที่ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับอลิอันซ์ทั่วโลก โดยขณะนี้ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 16 ประเทศ ให้บริการทางด้านประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และการบริหารด้านการลงทุน มีพนักงานมากกว่า 36,000 คน ลูกค้ามากกว่า 21 ล้านคน และมีพาร์ตเนอร์ชิปทางด้านดิจิทัลกว่า 55 ราย