หุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้าบวก 1จุด ซื้อขาย2.7หมื่นล้าน

แฟ้มภาพ

วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ก็ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนจะปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,732.78 จุด บวก 1.19จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น  27,066 ล้านบาท โดยมีหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 617 หลักทรัพย์ ลดลง 772 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 453 หลักทรัพย์

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (15-19 ก.ค. 62) มีประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจคือ มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์( 12 ก.ค.) ที่ผ่านมา นั้น คาดว่าจะมีผลให้การเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินลดลง และจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ตลาดหุ้นอาจจะผันผวนในช่วง 2-3 วัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังอยู่ในตลาดหุ้น จึงมีผลลบต่อตลาดหุ้นไม่มาก แต่จะลดลงในส่วนของตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ทิศทางของค่าเงินบาท หากอ่อนตัวลงทะลุ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 30.93 บาท/ดอลล่าร์ จะเป็นตัวเร่งให้มีการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินได้เช่นกัน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ คือ โอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือน ก.ค.นี้ ที่ยังมีโอกาสสูง ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุม 25 ก.ค. ด้วยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวจึงน่าจะส่งผลให้เงินลงทุนยังคงไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน

อีกประเด็นที่นักลงทุนจะติดตามในสัปดาห์นี้คือ เรื่องผลกระทบของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP2018 ซึ่งเป็นแผนหลักในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่า 51% ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 และการรายงานกำไรหุ้นธนาคารในไตรมาส 2 ซึ่ง KTBST ประเมินว่าธนาคาร 9 แห่ง จะมีการกำไรลดลง 6% YoY และ +3% QoQ ซึ่งหากกำไรต่ำกว่าคาด จะเป็นลบต่อตลาด เพราะอาจสะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดมีปัจจัยลบคือมาตรการค่าเงิน จะทำให้แรงซื้อหุ้นอาจชะลอลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้า , การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก จะหนุนดัชนีฯขึ้นไปต่อไปได้ ดังนั้นการลงทุนควรเน้นการรอจังหวะเข้าลงทุน หลีกเลี่ยงหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อเข้าไปมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูล NVDR Trading) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรเช่น CPALL, AOT, SCC, ADVANC, KBANK, BDMS, LH, INTUCH และ PTT ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ ได้แก่ PTTEP, PTTGC, ORI, KCE, RATCH , EA และ PTG ประเมินกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,720-1,750 จุด