“เอไอเอ” เปิดศึกการตลาด จับลูกค้าเซ็กเมนต์ใหม่-เสิร์ฟ AIA PAY

นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย

ปีนี้ตลาดประกันชีวิตแข่งขันในเชิงมาร์เก็ตติ้งค่อนข้างสูง ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอย่าง “เอไอเอ” ก็รุกเปิดตัวแคมเปญใหญ่ต่อเนื่อง เพื่อสู้ศึกตลาด “red ocean” (ภาวะการแข่งขันกันรุนแรงเพื่อชิงฐานลูกค้า)

โดย “เอไอเอ ประเทศไทย” ที่พอร์ตใหญ่คือ “ประกันสุขภาพ” มีขนาดเบี้ยรับรวมรั้งอันดับ 1 ในเมืองไทยมาต่อเนื่อง

และติดท็อป 3 ของ “เอไอเอกรุ๊ป” ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการที่เพิ่งต่อสัญญากับทีมฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ต่อไปอีก 8 ปี จนถึงฤดูกาล 2026-27 ไปสด ๆ ร้อน ๆ

“เอกรัตน์ ฐิติมั่น” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปีนี้บริษัทจะขับเคลื่อนธุรกิจผ่านกลุ่มลูกค้า 3 เซ็กเมนต์หลัก เริ่มจากแคมเปญเอไอเอไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ขยายตลาดคนรักสุขภาพ ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 2.5 แสนราย คาดจะเป็น 3.5 แสนรายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากตลาดประกันสุขภาพยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะคนยังมีความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะโรคร้ายแรงที่แพงขึ้นต่อเนื่อง

“ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นโปรโมตกิจกรรมและผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้จะมีการออกแคมเปญฉลองเอไอเอกรุ๊ปครบรอบ 100 ปี โดยจัดในรูปแบบงานวิ่ง”

“สจ๊วต เอ สเปนเซอร์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท เอไอเอ เสริมว่า เอไอเอไวทัลลิตี้ได้เปิดตัวไปแล้วใน 11 ประเทศ มีสมาชิกรวมกว่า 1.5 ล้านราย มีสถิติการออกกำลังกายมากกว่า 700,000 ครั้งต่อวัน และมีสมาชิกใหม่ลงทะเบียนเข้าใช้งานประมาณ 1,000 คนในทุกเดือน

นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ

“ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญมาก อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนจะขยายโครงการนี้ในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มเติม ขณะนี้กำลังเตรียมการ โดยเรายังคงพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพ รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการนี้ อาทิ การลดเบี้ยประกันเมื่อดูแลสุขภาพตัวเองดีขึ้น”

ด้านลูกค้ากลุ่มต่อมา “เอกรัตน์” ฉายภาพว่า บริษัทได้เปิดแคมเปญเอไอเอเพรสทีจคลับ (AIA Prestige Club) เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเร็ว ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 7 หมื่นราย ส่วนลูกค้ากลุ่มใหม่ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาส 3 หรือประมาณเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งกลุ่มนี้จะเน้นทำตลาดระยะยาว

“เราอยากให้คนจำภาพเอไอเอ ต้องนึกถึงโครงการไวทัลลิตี้, เพรสทีจคลับ และตัวสุดท้ายที่กำลังจะทำออกมา ซึ่งมีสีสันแน่ ๆ โดยหลังจากนี้เราจะเน้นทำแคมเปญแบบ long term โฟกัสผ่านลูกค้า 3 กลุ่มนี้เป็นหลัก โดยประมาณต้นปีหน้าจะเริ่มทยอยทำแคมเปญใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ “เอกรัตน์” บอกด้วยว่า บริษัทยังได้พัฒนา “AIA PAY” ซึ่งเป็นบริการโอนเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ผ่านบัญชีธนาคาร หรือผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนด้วยเลขที่บัตรประชาชน (ID) ถือเป็นเจ้าแรกในธุรกิจประกันชีวิต โดยลูกค้าสามารถรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินสินไหมทดแทน, เงินคืนตามเงื่อนไขกรมธรรม์, เงินปันผล หรือเงินกู้ตามกรมธรรม์ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องรอเช็ก เป็นการแก้ปัญหา “เช็กไม่ถึงมือลูกค้า หรือสูญหายระหว่างทาง”

“เราอาจจะไม่ได้มองในแง่การช่วยลดต้นทุนเป็นหลัก แต่มองในแง่ของการให้บริการลูกค้า เพราะปัจจุบันผู้บริโภคหลายคนคุ้นเคยกับดิจิทัลในการรับเงินเข้าผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ซึ่งมีการแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบทันทีว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว สะดวกและรวดเร็ว”

หลังจากช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เอไอเอมีเบี้ยรับรวมในเมืองไทยอยู่ที่ 52,628 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเบี้ยปีแรกอยู่ที่ 8,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% และเบี้ยปีต่อ 41,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% มีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 88%

ส่วนครึ่งปีหลังที่เหลือ “เอไอเอ” ในฐานะเจ้าตลาดธุรกิจประกันชีวิตในเมืองไทย จะเข็นผลงานได้เข้าเป้า ต้อนรับ “อัลเจอร์ ฟัง” ซีอีโอคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป