ราคาน้ำมันดิบร่วงหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด ขณะที่การเจรจาสหรัฐ-จีนส่อแววล่าช้า

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงมากกว่าร้อยละ 1 หลังสำนักงานพลังงานแห่งชาติสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสิ้นสุด ณ วันที่ 1 พ.ย. 62 ปรับเพิ่มขึ้น 7.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ตลาดมองว่าเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ของจีน (COSCO) ทำให้จำนวนเรือที่จะมารับน้ำมันดิบเพื่อส่งออกจากสหรัฐฯ มีจำนวนน้อยลง

– ตัวแทนสหรัฐฯ เผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าแผนการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ – จีน เฟสแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอาจถูกเลื่อนออกไปจัดในเดือน ธ.ค. 62 จากกำหนดการเดิมในช่วงกลางเดือน พ.ย. ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงไม่มีข้อสรุปทั้งในรายละเอียดข้อตกลงและสถานที่จัดงาน โดยมีความเป็นไปได้ว่าการลงนามอาจถูกจัดขึ้นที่อังกฤษ (ลอนดอน) สวีเดน หรือสวิสเซอร์แลนด์

– ไอเอ็มเอฟเตือนเศรษฐกิจยูโรโซนไตรมาส 4 มีความเสี่ยงหดตัว หลังตัวเลขดัชนีผู้ผลิตเยอรมนี (IHS Markit) ภาคบริการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 51.4 ในเดือน ก.ย. 62 มาอยู่ที่ 51.6 ในเดือน ต.ค. 62 ขณะที่ดัชนีผู้ผลิตยูโรโซนเดือน ต.ค. 62 ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกันมาอยู่ที่ 50.6 จากระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีที่ 50.1 เมื่อเดือน ก.ย. 62

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ และปรับตัวตามราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ หลังสต๊อกที่สหรัฐฯ ปรับลดลง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ความต้องการในภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูง โดยตลาดคาดว่าอินโดนีเซียจะมีความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นยังคงปิดซ่อมบำรุง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในภูมิภาคยังมีอยู่มาก หลังจีนส่งออกน้ำมันดีเซลต่อเนื่อง และค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูงกดดันให้การส่งออกจากเอเชียและตะวันออกกลางไปยังยุโรปเป็นไปได้ยาก