ลุ้น! กนง.ลดดอกเบี้ยต้นปี”63 สัญญาณเศรษฐกิจอ่อนแรง

กูรูเศรษฐศาสตร์ฟันธงประชุม กนง. รอบสุดท้ายปี”62 วันที่ 18 ธ.ค.นี้ “คงดอกเบี้ย” ประสานเสียงปี”63 มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1 ครั้งต้นปี หากเศรษฐกิจยังส่งสัญญาณทรุดต่อเนื่อง สร้างประวัติศาสตร์ลดดอกเบี้ยต่ำกว่า 1.25% ในรอบเกือบ 20 ปี

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยจากนี้ไปจนถึงปี 2563 จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 18 ธ.ค.นี้ น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ต่อปี แต่น่าจะปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีหน้าลง หลังจากรอบที่แล้วลดดอกเบี้ย แต่ยังไม่ได้ปรับจีดีพี ซึ่ง บล.ภัทรคาดการณ์ว่า มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งช่วงต้นปีหน้า เพราะยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยช่วงต้นปีจะชะลอตัวลงอีก เหตุผลเดียวถ้า ธปท.ไม่อยากลดดอกเบี้ยอีกก็คือ กังวลประสิทธิภาพของนโยบายการเงินว่า ถ้าลดต่ำเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน

ปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังแผ่วเกือบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง การบริโภคที่ชะลอตัว อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย เนื่องจากไม่ได้กังวลปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกแล้ว ขณะที่ปัจจัยภายในสหรัฐหลาย ๆ ตัวก็ดีขึ้น มีเพียงภาคการผลิตสินค้าที่ดูแผ่วลงไปตามภาวะการค้าโลกที่ชะลอ

ดบ.นโยบายส่อต่ำสุดรอบ 20 ปี

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics กล่าวว่า เฟดส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐจบแล้ว ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% เท่ากับดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องบอกว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ชะลอกว่าที่คาด อาจจะเติบโตแค่ 2.5% ส่วนปีหน้าจะโตได้ดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 2.7% อย่างไรก็ดี คาดว่าช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยจะยังอ่อนแอ และหากไตรมาส 1 ออกมาไม่ดี กนง.จะลดดอกเบี้ยแน่นอน ซึ่งจะทำให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่เริ่มใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในการดำเนินนโยบายการเงิน

“เราคาด กนง.น่าจะลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ประมาณ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1% ตอนช่วงสิ้นไตรมาส 1 ปีหน้า หรือในการประชุมวันที่ 25 มี.ค. 2563 โอกาสลดมีมาก จากเหตุผลจากเศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอ และหลังจากนั้น ดอกเบี้ยก็น่าจะคงที่ยาวไปจนถึงสิ้นปี 2563” นายนริศกล่าว

จับตา ผู้ว่าการ ธปท. ครบวาระ

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดคาดกันว่า กนง.รอบนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.25% แม้ว่าจะมีแรงกดดันให้ควรผ่อนคลายภาวะการเงินมากขึ้น แต่จากตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ก็ยังมีแนวโน้มอ่อนแอต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยตลอดไปจนถึงปีหน้า หรือหากจะลดดอกเบี้ย อย่างมากอีก 1 ครั้ง ซึ่งจะลดแรงกดดันต่อการปรับดอกเบี้ยของ กนง.ลดลงไป รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยรอบที่แล้วก็ถือว่าลงมาในระดับต่ำสุดแล้ว

“เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ของ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ไว้ก่อน เพราะช่วงนี้หลาย ๆ เรื่องดูดีขึ้น อย่างข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงระยะสั้นได้ และก็ไม่น่าจะขึ้นอีกในช่วงปีหน้าจนกว่าจะเลือกตั้งสหรัฐ ส่วนการเลือกตั้งในอังกฤษที่พรรคอนุรักษนิยมมีแนวโน้มชนะท่วมท้น ก็ทำให้ความเสี่ยงเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) ในลักษณะ no deal จะลดลง” นายยรรยงกล่าว

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุน สายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายปี 2563 มีโอกาสลดได้ หากเศรษฐกิจโตต่ำกว่า 2.5% โดยธนาคารกรุงไทยมองว่า การลดดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 นอกจากนี้ ปัจจัยการครบวาระของผู้ว่าการ ธปท. น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย หากผู้ว่าการ ธปท.คนเดิมต่อวาระ โอกาสลดดอกเบี้ยจะค่อนข้างยาก

ปีหน้านโยบายการเงินลดบทบาท

นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ปีหน้าแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินโดยการลดดอกเบี้ยจะมีบทบาทลดลง หลังจากที่ปีนี้มีการใช้นโยบายการเงินโดย
การลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะเห็นว่าธนาคารกลางในภูมิภาคและประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่เปลี่ยนไป ปีหน้าจะเป็นการใช้นโยบายการคลังเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น สำหรับประเทศไทยน่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุม กนง. 18 ธ.ค.นี้ แต่หากมีสถานการณ์ที่พลิกผันหรือรุนแรงก็มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในปี 2563 มาอยู่ที่ 1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่คาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค.นี้เแต่คาดว่า ธปท.จะมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลง และประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 3% ถือว่าต่ำกว่าศักยภาพ

CIMBT เชื่อคง ดบ.ถึงสิ้นปีหน้า

ขณะที่นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มองสวนทางว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.25% ตลอดทั้งปี 2563 โดย ธปท.อาจติดตามการส่งผ่านของมาตรการลดดอกเบี้ยสู่ตลาดการเงินก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ยอีกครั้งในอนาคต นอกจากนี้ สภาพคล่องในระบบที่สูงจากสินเชื่อภาคธุรกิจที่ขยายตัวช้า โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ส่วนสินเชื่อเพื่อการบริโภคก็ชะลอลงจากทั้งมาตรการคุมเข้มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และจากความกังวลของธนาคารพาณิชย์ต่อหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น

“ตลาดการเงินไทยยังไม่ได้ตกอยู่ในภาวะสภาพคล่องตึงตัวจนต้องลดดอกเบี้ยเพิ่ม ในทางตรงข้าม เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านเสถียรภาพจากสภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนนั้นคาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายปี 2563” นายอมรเทพกล่าว