บล.บัวหลวง ลุ้นกำไรบจ.ปี’63 โต 22%

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

“บล.บัวหลวง” ประเมินเป้า SET Index ปี’63 อยู่ระหว่าง 1,480 – 1,695 จุด ลุ้นกำไรบจ.โต 22% ชูแผนจัดพอร์ตลงทุนแบบ “Asset Allocation” รับมือตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน ปี’62 ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 14%

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยปี 2563 คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวคล้ายคลึงกับปี 2562 โดยให้กรอบบนที่ระดับ 1,680-1,695 จุด บนค่า P/E (ราคาต่อกำไรต่อหุ้น) ที่ 16.5 เท่า และกรอบล่างระดับ 1,480-1,500 จุด บนค่า P/E 14.5 เท่า ส่วนกำไรต่อหุ้น (ESP) ของบริษัทจดทะเบียนอาจอยู่ระดับ 102.00 บาท/หุ้น เติบโตประมาณ 22% จากปี 2562 ที่อยู่ระดับ 83.00 บาท/หุ้น

สำหรับธีมการลงทุน เน้นลงทุนในหุ้น 3 กลุ่ม คือ 1.หุ้นที่มีความปลอดภัย (Defensive Stock) เช่น กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (หุ้นรถไฟฟ้า) กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มไฟแนนซ์ 2.กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มน้ำมันที่จะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตของโลก 3.กลุ่มรับซื้อและปรับโครงสร้างหนี้ เช่น BAM JMT และ CHAYO ส่วนกลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวัง คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเรื่องความต้องการซื้อชะลอตัว และกลุ่มธนาคารที่ต้องระวังเรื่องการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

“มอร์แกน สแตนลีย์ พาร์ทเนอร์ของเราวิเคราะห์ว่า ภาวะตึงเครียดของตะวันออกกลางอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดว่าปีนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI จะอยู่ระดับเฉลี่ย 62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับปีก่อนที่อยู่ระดับ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ อาจอยู่ระดับเฉลี่ย 68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล” นายชัยพร กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในภาวะผันผวนต่อเนื่องจากปี 2562 โดยมีปัจจัยกดดันจากภาวะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แม้ว่าสถานการณ์สงครามการค้าจะคลี่คลายในระดับหนึ่ง หลังสหรัฐได้ลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกกับจีนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ยังแนะนำจับตาดู 2 ประเด็นอย่างใกล้ชิด คือ 1.สหรัฐกับจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเฟส 2 เรื่องที่จะให้จีนเปิดตลาดการเงินและสิทธิทางปัญญาได้ภายในปีนี้หรือไม่ และ 2.สงครามตะวันออกกลาง ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ยากต่อการคาดเดา

ท่ามกลางปัจจัยลบของต่างประเทศ ผู้ลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการลงทุน โดย บล.บัวหลวง แนะนำให้ใช้หลักการ “จัดสรรพอร์ตการลงทุน” หรือ Asset Allocation เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เห็นได้จากพอร์ตลงทุนปี 2562 ของหลักทรัพย์บัวหลวงที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีอีกครั้ง โดยพอร์ตลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) แบบความเสี่ยงปานกลาง (Moderate) และแบบเชิงรุก (Aggressive) มีผลตอบแทนนับจากต้นปีที่ระดับ 7.1% 10.4% และ 14.0% ตามลำดับ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงเดือน ก.พ.62 ที่ระดับ 3.2% 5.1% และ 7.2%

ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ควรเน้นกระจายความเสี่ยงออกไปใน 5 สินทรัพย์หลัก คือ 1. ตลาดหุ้น สัดส่วนลงทุนประมาณ 23% แบ่งเป็นหุ้นไทยประมาณ 9% หุ้นเวียดนามประมาณ 9% และหุ้นสหรัฐประมาณ 5% โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 2563 อาจขยายตัวได้ไม่มากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม และตลาดหุ้นสหรัฐยังมีโมเมนตัมที่ดี

“โดยเฉพาะตลาดหุ้นเวียดนาม เราคาดว่าในปี 2563 อาจมีกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพราะเวียดนามเป็นประเทศปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการลงทุนจากต่างชาติในเอเชีย หลังกระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนามได้สนับสนุนให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงาน และการส่งออก เป็นต้น“ นายชัยพร กล่าว

2. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าและค้าปลีก สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 13% หลังส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างดัชนีกองทุนรวมอสังหาฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี อยู่ระดับ 3.28% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปี 1.6 เท่า 3.ทองคำ สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 16% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเติบโตเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาดการณ์ และเหตุการณ์สงคราม จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ คาดว่าในเดือน ม.ค.นี้ ราคาทองคำจะแกว่งในกรอบ 1,491-1,620 เหรียญต่อออนซ์ 4.ตลาดเงิน สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 6% และ 5.หุ้นกู้ภาคเอกชนระดับ BBB+ ขึ้นไป สัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 42%