“สมคิด” สั่งคลังเตรียมแผนสำรอง เร่งรัฐวิสาหกิจปรับแผนลงทุน แก้ปมพ.ร.บ.งบปี’63 ส่อโมฆะ ด้านอุตตม ชี้เตรียมแผนรับมือทุกช่องทาง รวมงัดพ.ร.ก.กู้เงินด้วย ยันไม่กระทบงบลงทุน รัฐมีมาตรการรับมือ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง กรณีที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อาจส่อเป็นโมฆะ เนื่องจากพบ ส.ส. กดบัตรแทนกันในการลงมติ ว่า พ.ร.บ.งบปี 2563 จะโมฆะหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้ประชาชนมองโลกในแง่ร้าย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
เนื่องจากเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประเทศโดยรวม เพราะรัฐบาลไม่มีเงินลงทุน อย่างไรก็ดี ได้เร่งให้รัฐวิสาหกิจปรับแผนการลงทุน และได้ขอให้กระทรวงการคลังเร่งจูงใจหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ก็พยายามแก้ไข ได้สั่งให้กระทรวงการคลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้มีการคิดแผนสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 อยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าพ.ร.บ.ดังกล่าวจะเป็นโมฆะหรือไม่ อย่างไรก็ดี ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เตรียมแผนแนวทางในการดำเนินงานต่อไปไว้ทุกๆ ช่องทางแล้ว ซึ่งรวมถึงการใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินด้วย หากพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นโมฆะ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่กระทบการลงทุนใหม่ เนื่องจากเชื่อว่า นายประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะสามารถออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลได้ และเบื้องต้น ได้ขอให้สำนักงบประมาณพิจารณากระบวนการที่สามารถดำเนินการก่อนได้ อย่างเช่น สามารถดำเนินการในขั้นตอนร่างเอกสารการประมูล (TOR) ระหว่างรอพ.ร.บ.งบประมาณออกได้
พร้อมกันนี้ วันที่ 23 ม.ค.63 จะมีการประชุมนัดแรกหลังจากนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน เบื้องต้น จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่า หากร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ล่าช้า จะไม่กระทบต่อเงินเดือนข้าราช เนื่องจากได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณศึกษาช่องทางในการดูแลแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาในรายละเอียดให้รอบคลอบและรัดกุม