“บัณฑูร” แนะทางออกโควิด-19 ชี้ ทุกฝ่ายร่วมมือฝ่าวิกฤติ

“บัณฑูร” รับสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นครั้งแรก-ไม่มีรูปแบบจัดการมาก่อน แตกต่างวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 แนะคนไทยทุกฝ่ายร่วมมือฝ่าวิกฤตไปให้ได้ ชี้ แบงก์ประคองลูกค้ายืดหนี้-ภาครัฐแจกเงินดูแลรากหญ้า ช่วยประคองสถานการณ์ คาดโรครักษาหาย มั่นใจทุกอย่างกลับมาปกติ

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความแตกต่างจากวิกฤติปี 2540 หรือ ต้มยำกุ้ง ซึ่งตอนนั้นบริษัททำธุรกิจเกินตัว ทำให้ล้มทั้งประเทศ แต่มีการเพิ่มทุนทำให้ธุรกิจกลับมาได้ แต่สถานการณ์โควิด-19 เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกินขึ้นมาก่อน ไม่มีรูปแบบการจัดการมาก่อน โดยสิ่งที่เกินขึ้น คือ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถออกมาทำการค้าขายได้ปกติ ซึ่งไม่ได้มาจากการทำธุรกิจเกินตัว ถือเป็นครั้งแรกที่โดนผลกระทบกันทุกคน และไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อและจบได้เมื่อใด

ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ จะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องสุขภาพเป็นอันดับแรก โดยร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชน โดยการจัดการรักษามาตรฐานการชุมนุมที่เข้มข้น อย่างไรก็ดี ในระหว่างอาจจะมีการสะดุดของกิจการ เนื่องจากไม่มีคนซื้อของ ไม่มีการใช้จ่าย คนไม่มาเที่ยว แต่คนตัวใหญ่อาจจะพอประทังไปได้ แต่รายเล็กอาจจะอ่อนแอ ซึ่งธนาคารก็ช่วยเหลือในการประคองและยืดหนี้ออกไปให้ ขณะที่รากหญ้า จะเห็นว่าภาครัฐได้เข้าไปช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การแจกเงิน เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านวิกฤติไปได้

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นครั้งแรก และไม่รู้จุดจบว่าจะจบตรงไหน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องช่วยประคองกันไป ยอมรับว่าอาจจะมีเสียไปบ้าง แต่ภาพรวมโครงสร้างของประเทศไทยไม่ได้เสียหาย ดังนั้น หากสถานการณ์โควิด-19 สามารถรักษาหายหรือคลี่คลายได้ เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติได้

“ครั้งนี้ถือเป็นบทท้าทายของชีวิต ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่แล้วที่ทำเกินตัว แต่ครั้งนี้เราต้องเร่งมือสู้กับสงครามครั้งแรก โดยทุกคนต้องร่วมมือกันให้กำลังใจแพทย์ เพื่อให้สามารถสกัดโรคได้ ส่วนแบงก์ก็ต้องช่วยเหลือกันไป แบกกันไป เพราะทุกอย่างจะมาลงที่ระบบธนาคาร แต่เราเชื่อว่าตอนนี้บ้านเมืองหนักกว่าแบงก์ และทุกคนก็เหนื่อยกันหมด จึงต้องช่วยเหลือกันทุกฝ่าย”

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุการณ์ที่ธนาคารไม่เคยพบมาก่อน โดยในช่วง 2 เดือนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องของกระแสเงินสด โดยได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย (TBA) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น การพักชำระเงินต้นสูงสุด 1 ปี และมาตรการผ่อนปรนสำหรับลูกค้าเช่าซื้อและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ลูกค้าไม่ต้องชำระหนี้เลยเป็นเวลา 3 เดือน และหยุดชำระดอกเบี้ยพิจารณาเป็นรายกรณี