คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย พัฒนพันธุ์ วงษ์พันธุ์
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในภาวะไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง มีผู้ติดเชื้อกระจายไปทั่วโลกแล้วกกว่า 1 ล้านคน ผู้เสียชีวิตกว่า 5 หมื่นคน ขณะที่ประเทศไทย ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยเกือบทุกวัน
ไม่ว่ามองไปทางไหน ความหวาดวิตกยังปกคลุมไปทั่ว
เพราะไวรัสโควิด-19 ไม่ต่างจากศัตรูที่มองไม่เห็น มีอัตราการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว อาจติดเชื้อโดยไม่ทันรู้ตัว
นั่นทำให้ภารกิจหลัก ๆ ของรัฐบาลขณะนี้ พยายามเดินควบคู่ไปใน 2 แนวทาง
ประการแรก ตัดวงจร และหยุดการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเร็วที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ social distancing พยายามให้คนอยู่ห่าง ๆ กันเอาไว้ ขอความร่วมมือให้ work from home ทำงานที่บ้าน ปิดศูนย์การค้า ร้านอาหาร
สนามกีฬา สถานที่ที่คนไปรวมตัวกัน ล่าสุดคือเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้านยามค่ำคืน รวมไปถึงยุติการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อตัดวงจรให้ได้
สอง นำมาตรการต่าง ๆ มารองรับและเยียวยาเศรษฐกิจที่กำลังซวนเซ
สาหัสสุด ๆ คือ อุตสาหกรรมบริการ การเดินทาง
ท่องเที่ยว เส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย ยิ่งนานวัน ผลกระทบยิ่งไหลลึก เริ่มกังวลกันด้วยซ้ำว่า ศึกใหญ่ครั้งนี้ มีโอกาสเลวร้ายกว่าปี 2540
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าถึงสิ้นเดือนเมษายนยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ต้องต่อเวลาปิดห้าง ปิดธุรกิจร้านค้าออกไป NPL คงบานสะพรั่ง
แน่นอนว่าความอึดแต่ละคนไม่เท่ากัน
เป็นธรรมดาที่ธุรกิจใหญ่ ๆ สายป่านย่อมยาวกว่ารายย่อย ๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก คุณเรืองโรจน์ (กระทิง) พูนผล ประธาน KBTG แจกแจงตัวเลขเงินสำรองของบรรดาเอสเอ็มอีในสหรัฐว่า มีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 27 วัน ถ้าเป็น personal service อยู่ที่ 21 วัน ร้านค้าปลีก 19 วัน แต่ถ้าเป็นร้านอาหารจะสายป่านสั้นกว่าคนอื่น ๆ คือ 16 วัน…ในไทยนั้นก็น่าจะต่างกันไม่มากในส่วนของค่าเฉลี่ย
ความจริงอีกสิ่งหนึ่ง คือ ภูมิคุ้มกันของเศรษฐกิจไทยตกต่ำก่อนโควิด-19 เสียอีก ทำให้ได้รับผลกระทบมากกว่าวิกฤตก่อน ๆ
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ระบุว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง และความอ่อนแอของเศรษฐกิจภายในประเทศ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยเพียง 3.4% อุปสงค์ภาคเอกชนภายในประเทศอ่อนแอลง มีส่วนสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจเพียง 60% จากปัญหาการชะลออย่างต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน และภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 79% ของ GDP
การแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิด-19 ส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทยที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล ในปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 40 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาลกว่า 2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12% ของ GDP
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาหลายครั้ง ภาคการเกษตรมีความสำคัญช่วยรองรับการไหลกลับของแรงงานจากการถูกเลิกจ้าง แต่ปัจจุบันภาคการเกษตรลดลงจากเดิม ไม่สามารถรองรับได้เหมือนแต่ก่อน
KKP Research ระบุด้วยว่า ท่ามกลางการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศต่าง ๆ รัฐบาลอาจจำเป็นต้องยกระดับความสำคัญของการบรรเทาผลกระทบ
ต่อธุรกิจและประชาชนที่ได้รับความเสียหายครั้งนี้ให้สูงมากขึ้นไปอีก
สรุปคือ ต้องทุ่มให้ “หมดหน้าตัก” กว่านี้ เพื่อเยียวยาทุกภาคส่วนที่ยากลำบากยิ่งกว่าวิกฤตครั้งใด ๆ