นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ห้ามสถาบันการเงินเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมถึงการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จากสินเชื่อใหม่ (soft loan) ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (วงเงิน 5 แสนล้านบาท)
ขณะที่การเลื่อนการชำระหนี้ พักเงินต้นและดอกเบี้ย ออกไป 6 เดือนนั้น สถาบันการเงินไม่สามารถเรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวในครั้งเดียวหลังช่วงผ่อนปรน แต่ให้หารือกับลูกหนี้เพื่อหาวิธีการชำระที่ไม่สร้างภาระให้กับลูกหนี้ เช่น การเฉลี่ยจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นไปตามงวดที่เหลือของสัญญา เป็นต้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
ทั้งนี้ สำหรับสินเชื่อซอฟต์โลนนั้น ธปท.ให้แบงก์ยื่นรายชื่อลูกหนี้ SMEs ขอซอฟต์โลนตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป และเมื่อ ธปท. ตรวจสอบว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว สถาบันการเงินจะแจ้งผลการอนุมัติให้ทราบภายใน 10 วัน โดยคาดว่าจะเร่งโอนเงินให้ลูกหนี้ได้ภายในปลายสัปดาห์หน้า
ขณะเดียวกัน ธปท. ได้เร่งกำชับให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ที่เดือดร้อนโดยเร็วที่สุด และหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ SMEs ทำให้ SMEs มีเงินสดในมือเพื่อรองรับรายจ่ายจำเป็น โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน
นอกจากนี้ ธปท. คาดหวังว่าในช่วง 6 เดือนนี้ สถาบันการเงินจะต้องหารือร่วมกับลูกหนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ปรับแผนการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง และช่วยจัดโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกหนี้