ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกระทรวงการคลังเตรียมขายหุ้น บมจ.การบินไทย (THAI) ให้กองทุนวายุภักษ์ เพื่อหลุดพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น “ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ตั้งคำถามว่า การที่กระทรวงการคลังให้กองทุนวายุภักต์ซื้อหุ้นการบินไทย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับผู้ถือหน่วยลงทุน หรือประชาชานทั่วไปที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยชี้ว่ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องลดทุน เริ่มจากส่วนของผู้ถือหุ้นให้เป็นศูนย์เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการจ่ายคืนหนี้แก่เจ้าหนี้รายอื่นๆ ต่อไป ดังนั้น กองทุนวายุภักษ์ โดยผู้จัดการกองทุน มีหน้าต้องคุ้มครองผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนั้น ตนจึงมีคำถามว่าการที่กองทุนนำเงินราว 200-300 ล้านบาท ไปทิ้งจะทำได้อย่างไร
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“ในการปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนที่เจ้าหนี้จะเข้ามารับความเสียหาย ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของจะต้องลดทุนส่วนผู้ถือหุ้นให้เหลือ 0 ก่อน ถึงจะไปตัดลดหนี้ (Hair Cut) เจ้าหนี้ได้ คุณใส่ไป 200-300 ล้านบาท ทั้งๆ ที่รู้ว่าส่วนของผู้ถือหุ้นมันติดลบ คุณเอาหลักการอะไรมาทำ” ดร.ศุภวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.ศุภวุฒิ กล่าวว่า จากที่กระทรวงการคลังขายหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์ เป็นไปได้ว่ากระทรวงการคลังจะต้องชดเชยความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ถ้าคุณทำแบบนี้ เจ้าหนี้ ก็จะมีคำถามว่าการบินไทยจะหลุดพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจจริงหรือเปล่า เพราะคลังยังไปช่วยค้ำให้กองทุนวายุภักษ์อยู่เลย ก็จะกลับมาเหมือนอีหรอบเดิม” ดร.ศุภวุฒิ กล่าว