บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 7 ก.ค. 2563
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การแข็งค่าของสกุลเงินยูโร หลังยอดค้าปลีกของยูโรโซนพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าจนหนุนราคาทองคำ และแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่และจำนวนผู้รักษาตัวด้วย COVID-19 ในโรงพยาบาลในหลายๆรัฐของสหรัฐทะยานขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน แม้มีบางจังหวะที่ราคาทองคำร่วงลงบ้าง หลังจากการเปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐจากมาร์กิต และ ISM ที่ต่างออกมาดีเกินคาด แต่แรงขายทองคำยังไม่มาก พร้อมกับมีแรงซื้อสลับเข้ามาซึ่งดันให้ราคาทองคำขยับขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำไปพร้อมๆกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากยังวิตกเกี่ยวกับเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงยังไม่มั่นใจว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้มากน้อย และยาวนานเพียงใด ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่เศรษฐกิจ สถานการณ์ที่กล่าวมา ทำให้นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำไปพร้อมๆ กับหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในตลาด สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP และตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) รวมถึงถ้อยแถลงของนายแรนดัล คาร์ลส์ รองประธาน เฟด
คำแนะนำ หากราคาสามารถยืนเหนือ 1,771-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้เสี่ยงเปิดสถานะซื้อทำกำไรระยะสั้น โดยตัดขาดทุนหากหลุดโซน 1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอขายในโซนแนวต้าน 1,790-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์