ตลาดหุ้นปิดลบ 19.64 จุด เหตุนักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง หวั่น 3 ปัจจัยกดดันข้างหน้า ‘เทรดวอร์-ชุมนุมในประเทศ-ประกาศจีดีพีไตรมาส 2’ ทุบดัชนีหุ้นร่วงต่อเนื่อง ประเมินกรอบ SET Index สัปดาห์หน้าระหว่าง 1,300-1,350 จุด ชูลงทุน 4 หุ้นแกร่ง ‘BEM-IVL-RKH-TKN’
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นวันที่ 14 ส.ค.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดลบที่ 1,327.05 จุด ลดลง 19.64 จุด หรือลดลง 1.46% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,050.78 ล้านบาท โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,211.49 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 576.62 ล้านบาท และต่างประเทศขายสุทธิ 3,293.29 ล้านบาท ส่วนในประเทศซื้อสุทธิ 5,081.39 ล้านบาท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
ทั้งนี้ SET Index ภาคบ่ายเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงของนักลงทุน เนื่องจากระยะข้างหน้ามีปัจจัยเสี่ยงแวดล้อม ได้แก่ การทบทวนข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในวันที่ 15 ส.ค. การชุมนุมนอกสภาวันที่ 16 ส.ค. อีกทั้งเปิดทำการเช้าวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะรายงานจีดีพีไตรมาส 2/63 ซึ่งคาดว่าจะออกมาติดลบ โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินจีดีพีไตรมาส 2 ออกมาติดลบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ขณะที่แนวโน้ม SET Index สัปดาห์หน้า (17-21 ส.ค.) ยังคงคาดการณ์ลำบาก เนื่องจากยังต้องรอติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กดดันตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณแนวรับ 1,300-1,310 จุด และแนวต้าน 1,350 จุด
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า หาก 3 ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1.การเจรจาการค้าฯ ออกมาในโทนบวกจะส่งผลให้ตลาดหุ้นผ่อนคลายความกังวลลง 2.จีดีพีไตรมาส 2 หากออกมาติดลบไม่เกิน 15% จากที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะเป็นจุดต่ำสุด ก่อนที่จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นมาในระยะต่อไป และ 3.กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 หากออกมาประมาณ 1 แสนล้านบาท จะส่งผลให้ความเสี่ยงที่จะต้องปรับลดประมาณการกำไรเบาลง
“เรามอง 3 ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมาเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด หากมีความชัดเจนความเสี่ยงขาลง (Downside) ของตลาดหุ้นไทยก็จะลดลงเช่นกัน ส่วนการชุมนุมนอกสภา เราแนะนำให้จับตาเป็นระยะ” นายชาญชัย กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำการเลือกลงทุนแบบรายตัว (Selective Buy) ในหุ้นใหญ่ที่คาดว่าผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก ได้แก่ BEM ราคาเหมาะสม 10.00 บาท และ IVL 32.00 บาท ส่วนหุ้นขนาดกลางเล็กที่กำไรเติบโตโดดเด่น แนะนำ RJH 26.90 บาท TKN 11.00 บาท