หุ้นร่วงเฉียด 20 จุด เหตุนักลงทุนเทขายปิดความเสี่ยงสัปดาห์หน้า

เศรษฐกิจ กระดานหุ้น ตลาดหุ้น หุ้นไทย กระดานหุ้น
FILE PHOTO :MANAN VATSYAYANA/AFP

ตลาดหุ้นปิดลบ 19.64 จุด เหตุนักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง หวั่น 3 ปัจจัยกดดันข้างหน้า ‘เทรดวอร์-ชุมนุมในประเทศ-ประกาศจีดีพีไตรมาส 2’ ทุบดัชนีหุ้นร่วงต่อเนื่อง ประเมินกรอบ SET Index สัปดาห์หน้าระหว่าง 1,300-1,350 จุด ชูลงทุน 4 หุ้นแกร่ง ‘BEM-IVL-RKH-TKN’

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นวันที่ 14 ส.ค.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดลบที่ 1,327.05 จุด ลดลง 19.64 จุด หรือลดลง 1.46% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,050.78 ล้านบาท โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,211.49 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 576.62 ล้านบาท และต่างประเทศขายสุทธิ 3,293.29 ล้านบาท ส่วนในประเทศซื้อสุทธิ 5,081.39 ล้านบาท

ทั้งนี้ SET Index ภาคบ่ายเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงของนักลงทุน เนื่องจากระยะข้างหน้ามีปัจจัยเสี่ยงแวดล้อม ได้แก่ การทบทวนข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในวันที่ 15 ส.ค. การชุมนุมนอกสภาวันที่ 16 ส.ค. อีกทั้งเปิดทำการเช้าวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะรายงานจีดีพีไตรมาส 2/63 ซึ่งคาดว่าจะออกมาติดลบ โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินจีดีพีไตรมาส 2 ออกมาติดลบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ขณะที่แนวโน้ม SET Index สัปดาห์หน้า (17-21 ส.ค.) ยังคงคาดการณ์ลำบาก เนื่องจากยังต้องรอติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กดดันตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณแนวรับ 1,300-1,310 จุด และแนวต้าน 1,350 จุด

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า หาก 3 ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1.การเจรจาการค้าฯ ออกมาในโทนบวกจะส่งผลให้ตลาดหุ้นผ่อนคลายความกังวลลง 2.จีดีพีไตรมาส 2 หากออกมาติดลบไม่เกิน 15% จากที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะเป็นจุดต่ำสุด ก่อนที่จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นมาในระยะต่อไป และ 3.กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 หากออกมาประมาณ 1 แสนล้านบาท จะส่งผลให้ความเสี่ยงที่จะต้องปรับลดประมาณการกำไรเบาลง

“เรามอง 3 ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมาเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด หากมีความชัดเจนความเสี่ยงขาลง (Downside) ของตลาดหุ้นไทยก็จะลดลงเช่นกัน ส่วนการชุมนุมนอกสภา เราแนะนำให้จับตาเป็นระยะ” นายชาญชัย กล่าว


ด้านกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำการเลือกลงทุนแบบรายตัว (Selective Buy) ในหุ้นใหญ่ที่คาดว่าผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก ได้แก่ BEM ราคาเหมาะสม 10.00 บาท และ IVL 32.00 บาท ส่วนหุ้นขนาดกลางเล็กที่กำไรเติบโตโดดเด่น แนะนำ RJH 26.90 บาท TKN 11.00 บาท