บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดดิ่งลงถึง 83.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาจะทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,965.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำกลับถูกแรงขายออกมาอย่างหนัก ในทันทีที่ Pfizer บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐและ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี กล่าวว่า ข้อมูลการทดลองวัคซีนต้าน COVID-19 ระยะสุดท้ายของทางบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
นอกจากนี้ Pfizer ยังระบุอีกว่า จะยื่นจดทะเบียนวัคซีนต้าน COVID-19 ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในช่วงสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1.3 พันล้านโดสในปีหน้า สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นความหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ซึ่งช่วยกระตุ้นแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยง เห็นได้จากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดเพิ่มขึ้นถึง 834.57 จุด หรือ +2.95% พร้อมกับบั่นทอนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง นั่นทำให้เยนซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นมาเคลื่อนไหนเหนือ 0.9% จากแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนทองคำก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน จนกระทั่งหลุดแนวรับสำคัญซึ่งกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคทั้ง Sell stop และ Stop loss เพิ่มเติม จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทองคำดิ่งลงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,849.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่แรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -10.51 ตัน
สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และ JOLTS Job Openings
หากราคาทองคำยังไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับโซน 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังมีโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,893-1,902 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่อาจระวังแรงขายทำกำไรหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านดังกล่าว