ธอส. จับตาลูกค้าพักชำระหนี้งวดสุดท้าย ม.ค.64 คาดกลุ่มลูกค้าเปราะบาง 9 พันล้านบาท เป็นหนี้เสีย 4.5 พันล้านบาท ชี้สำรองเงินส่วนเกิน 5 พันล้าน ส่งผลกำไรปีนี้ต่ำเป้า 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วน NPL ล่าสุดสิ้นเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นอีก 2.6 พันล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยความคืบหน้าการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้ของธนาคาร ว่า มาตรการพักชำระหนี้ล็อตสุดท้ายที่จะสิ้นสุดในเดือนม.ค.64 วงเงินจำนวน 90,000 ล้านบาทนั้น ในจำนวนนี้มีอยู่ 9,000 ล้านบาท ที่ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องจับตา เพราะเข้าโครงการพักหนี้นานที่สุด โดยคาดในจำนวนดังกล่าวจะเป็นกลายหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอล จำนวน 4,500 ล้านบาท หรือประมาณ 50 % ของมูลหนี้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
“ล็อตสุดท้ายนี้ เป็นเหมือนระเบิดเวลา และเป็นตัวชี้วัดหนี้เสียที่เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเปราะบางสูงมาก ดังนั้นสิ่งธอส.เตรียมรับมือได้ คือ ตั้งสำรองส่วนเกินให้เพียงพอมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และติดต่อลูกค้าให้ได้ทุกราย”
สำหรับการชำระหนี้ในล็อตแรกที่สิ้นสุดเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ที่ไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท ต่อมาในล็อตที่สองสิ้นสุดเมื่อสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา 275,000 ล้านบาท คิดเป็น 87% สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ลูกหนี้ชำระได้บางส่วนมีประมาณ 8.7% และชำระไม่ได้เลย 4.5%
“ยอดการชำระหนี้ในล็อตที่สองนี้ ถือว่า ดีกว่าที่คาด ซึ่งเดิมคาดว่า จะชำระหนี้ไม่ได้ถึง 20% แต่ผลปรากฎว่าไม่สามารถชำระได้เพียง 4.5% เท่านั้น”
ทั้งนี้ หนี้เสียของธนาคารเมื่อสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.68% หรือ 46,000 ล้านบาท ส่วนเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นอีกราว 2,600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นหนี้เสียที่เกิดขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลอดทั้งปีหนี้เสียจะอยู่ในระดับทรงตัว
สำหรับการปล่อยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนพ.ย.อยู่ที่ 195,000 ล้านบาท ขาดอีก 14, 000 ล้านบาท ก็จะตามเป้าหมาย 210, 000 ล้านบาท แต่คาดว่าในเดือนธ.ค.จะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 23,000 ล้านบาท ด้านผลกำไรในปีนี้คาดจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 13,000 ล้านบาท เนื่องจาก ต้องกันไว้เพื่อสำรองการเลื่อนชั้นของลูกหนี้ ซึ่งขณะนี้ธนาคารกันสำรองไว้เกินเกณฑ์แล้วราว 5,000 ล้านบาท
สำหรับกรณีปัญหาการล่มของแอปพลิเคชันสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งกระทบต่อการชำระหนี้ของลูกค้าของธนาคารนั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า ได้แจ้งลูกค้าไปแล้ว ว่ามีการขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้งวดเดือนพ.ย.ออกไป 4 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ศุกร์ 4 ธ.ค.นี้ โดยธนาคารนับว่าไม่มีการผิดนัดชำระหนี้และไม่มีการส่งข้อมูลไปให้เครดิตบูโร
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับธอส.แต่ทางธนาคารได้มีการป้องกันแก้ไขแล้ว จากที่ดูปัญหาที่แอปฯ ล่ม คือ เรื่องของปริมาณที่เข้ามามากสูงกว่าปกติประมาณ 20% ส่วนในส่วนของธอส.สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากถึง 30%
“ตอนนี้เวลาเกิดปัญหาระบบรับชำระกับธนาคารหนึ่งจะลามไปหลายแห่ง ข้อมูลที่ส่งระหว่างธนาคารก็จะมีปัญหา รวมถึง กระทบผู้บริโภคโดยตรง ถ้าตัดบัญชีที่หนึ่งและไม่ไปอีกที่หนึ่งปลายทางจะทำให้เกิดปัญหา”
ขณะที่แอปพลิเคชัน GHB ALL ล่าสุดมีผู้ใช้บริการแล้ว 800,000 ราย โดยตั้งเป้ามีผู้ใช้ 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้ แต่เนื่องจาก สถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จำนวนผู้ใช้ไม่ครบตามเป้า โดยคาดว่าจะครบ 1 ล้านรายได้ในไตรมาสหนึ่งของปี 64 โดยเตรียมให้ลูกค้าเงินฝากและเงินกู้หันมาใช้ดิจิทัลเซอร์วิสของธอส.มากขึ้น