ลุ้นทองคำโค้งท้ายพลิกบวก พฤศจิกายนร่วงหนัก เทรนด์ยัง “ขาขึ้น”?

ทองคำ

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำต่างประเทศ (spot) ปรับฐานจากจุดสูงสุดที่ 2,075 ดอลลาร์/ออนซ์ มาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,780 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำในประเทศก็ปรับลดลงจากราคาสูงสุดที่ 30,400 บาท/บาททองคำ ลงมาอยู่ที่ 25,550 บาท ในปัจจุบัน เฉพาะในเดือน พ.ย. 2563 เพียงเดือนเดียว ราคาทองคำแท่งลดลงแล้ว 2,250 บาท (ดูตาราง)

2 ข่าวดีทุบราคาทองโลก

โดยมุมมองจากผู้ค้าทอง “นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดโลกแวดล้อมไปด้วยข่าวดี ทั้งความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำมากที่สุด

รวมถึงการที่อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ยอมรับการถ่ายโอนอำนาจตามกระบวนการให้แก่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้มีการโยกเงินลงทุนจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าอย่างตลาดหุ้น

“แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริงยังไม่ได้ดีขึ้น แต่ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนกล้าเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้นมาเยอะ และทองคำถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น”

ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาพบว่า ราคาทองคำ spot ปรับตัวลงหลุด 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นราคาตรงเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยจากสถิติ 10 ปีย้อนหลังพบว่า ราคาทองสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ ยกเว้นในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการเงินโลก ราคาทองคำใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว

“นักลงทุนต้องจับตาดูว่าราคาทองคำจะสามารถกลับขึ้นมาได้หรือไม่ โดยระดับ 1,800 เหรียญ เราคาดว่าจะเริ่มเห็นการขยับขึ้นในปีหน้า หากราคายังเป็นขาลง ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,750 เหรียญ 1,700 เหรียญ และหนักสุดที่ 1,650 เหรียญ ตามลำดับ”

 

บาทแข็งหนุนทองในประเทศ

“นางพวรรณ์” กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนทองคำโลก SPDR ยังมียอดถือครองทองคำสูงถึงกว่า 300 ตัน สะท้อนว่าผู้ลงทุนรายใหญ่ยังคงถือครองทองคำอยู่ แต่ราคาทองคำยังขาดแรงขับเคลื่อนให้ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น แรงซื้อจากผู้บริโภครายใหญ่ในประเทศจีน และอินเดีย เป็นต้น

ส่วนทิศทางราคาทองคำในประเทศ แนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าถือเป็นปัจจัยบวก โดยทุก ๆ การแข็งค่า 10 ดอลลาร์ จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้น150 บาท โดยประเมินกรอบแนวรับของราคาทองคำในประเทศที่ 24,750 บาท และต่ำสุดที่ 24,400 บาท

ชี้ช่องทยอยซื้อรอขายทำกำไร

ด้านกลยุทธ์การลงทุน “นางพวรรณ์” แนะนำว่า ราคาทองคำที่ปรับฐานในปัจจุบันเป็นโอกาสเข้าซื้อในระดับราคาที่ต่ำ เพื่อนำไปขายทำกำไรในปีหน้า โดยปัจจัยหนุนราคาทองคำ ได้แก่ ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น ยาต้านโควิด-19 ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) รวมถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ยังสูง

“จากปัจจัยบวกที่เราประเมิน ทำให้คาดว่าราคาทองคำจะยังมีโอกาสขึ้นอีกไปจนถึงช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ดังนั้น เราแนะนำให้ทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวได้ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อทีเดียวมาก ๆ ควรทยอยสะสม เมื่อราคาย่อตัวลงมา และขายทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาปรับขึ้น”

มองเทรนด์ราคาทองยังขาขึ้น

ขณะที่นักวิเคราะห์ “ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับลงของราคาทองต่างประเทศนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศเช่น สหรัฐ รัสเซีย ตุรกี ฯลฯ ขายทองคำ เพื่อนำสภาพคล่องมาใช้เป็นงบประมาณในการดูแลเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่ความกังวลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดทองคำ

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าระยะยาวราคาทองยังเป็นขาขึ้น และการปรับฐานของทองคำรอบนี้ เป็นเพียงการปรับพอร์ตระยะสั้นของนักลงทุนเท่านั้น โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1.สถิติราคาทองคำหลังเกิดวิกฤตปี 2554 สามารถกลับขึ้นมาฟื้นตัวได้หลังวิกฤต 2 ปีถัดมา 2.แนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทรงตัวต่ำไปอีกนาน

3.หลัง FDA รับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทผู้ผลิตในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นถูกขายทำกำไร และทองคำจะกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนจะเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจแทนปัจจัยวัคซีน

4.การปรับขึ้นตามฤดูกาล ที่ช่วงปลายปีที่นักลงทุนจะนำเงินมาพักในทองคำ และ 5.การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 15-16 ธ.ค. 2563 คาดว่า Fed จะหันมาดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า เป็นบวกต่อราคาทองคำในระยะถัดไป

เก็งสิ้นปีราคาขยับขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า แนะนำผู้ลงทุนเข้าซื้อในกรอบ 1,700-1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นการลงทุนในราคาทองคำในประเทศที่ 25,000-25,200 บาท/บาททองคำ และคาดว่าภายในสิ้นปี2563 มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำในประเทศที่ 27,000 บาท/บาททองคำ

“เราอยากให้นักลงทุนลงทุนทองคำแท่งในประเทศ เพราะได้กำไร 2 เด้ง ทั้งจากกำไรจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และกำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า” นายณัฐพลกล่าว

ภาพราคาทองที่ตกลงต่อเนื่องในช่วงนี้น่าจะเป็นการตอบสนองต่อ “ข่าวดี” ที่เกิดขึ้นช่วงนี้เป็นสำคัญ แต่สุดท้ายแล้ว หากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นช้า ทองคำก็คงยังเป็นขาขึ้นได้ต่อไป