FETCO เผยความเชื่อมั่นนักลงทุนพุ่งขึ้นกว่า 163% สูงสุดในรอบ 2 ปี!

นักธุรกิจ-นักลงทุน
ภาพประกอบข่าว : Pixabay

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนล่าสุดอยู่ในโซนร้อนแรง เพิ่มขึ้นกว่า 163.44% สูงสุดในรอบสองปี นักลงทุนเก็งทิศทางฟันด์โฟลว์ไหลเข้า เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 161.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 163.44% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” เป็นครั้งแรกในรอบสองปี

โดยนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าออกของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ  และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ธ.ค.

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กุมภาพันธ์ 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160 – 200) ครั้งแรกในรอบ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 161.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 161%
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศ ปรับตัวขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” และความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และนักลงทุนต่างชาติปรับตัวขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพลังงาน (ENERGY)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าออกของเงินทุน
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ

ทั้งนี้ ผลสำรวจ ณ เดือนพฤศจิกายน 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 91% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 167% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% อยู่ที่ระดับ 156.52 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น 338% อยู่ที่ระดับ 175.00

ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET index) ฟื้นตัวแรงตอบรับข่าวดีทั้งจากปัจจัยนอกประเทศ ที่ได้รับข่าวความสำเร็จของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งของบริษัท Pfizer/BioNTech, Moderna และ AstraZeneca ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดโควิด-19 สูง อีกทั้งข่าวความชัดเจนของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะได้ นายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 รวมถึงข่าวดีจากปัจจัยในประเทศจากการประกาศ GDP ไตรมาส 3/2563 แม้จะยังหดตัวที่ -6.4% แต่นับว่าปรับตัวดีกว่าคาดการณ์ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้าหลังมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลง จากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเป็นบวกสุทธิเป็นเดือนแรกของปี โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน SET Index ปิดที่ 1,408.31 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.9% จากเดือนก่อนหน้า

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าออกของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกัน Covid-19 สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ  และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา และการเริ่มดำเนินการตามนโยบายของนาย โจ ไบเดน สถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปหลังเพิ่มความเข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดระลอกสองของ Covid-19 ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย มาตรการภาครัฐในกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคเอกชนเพิ่มเติม และการทยอยอนุมัติงบประมาณให้แก่โครงการภายใต้กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท