ประธานสภาตลาดทุนฯ เชื่อรัฐคุมอยู่ โควิดระบาดแค่ชั่วคราว กระทบหุ้นไทยน้อย

“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประเมินรัฐจัดโซนพื้นที่เสี่ยงสูง-ต่ำ คุมโควิดระบาดในประเทศ กระทบหุ้นไทยน้อย ตลาดทุนสนใจอนาคตมากกว่า เชื่อโควิดระบาดแค่ภาวะชั่วคราว มาตรการรัฐคุมอยู่ เข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1 เดือน มองตัวเลขผู้ติดเชื้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ ได้จัดแบ่งโซนพื้นที่เสี่ยงสูง-ต่ำ (แดง-ส้ม-เหลือง-เขียว) ตามจังหวัดที่มีการระบาดของเชื้อโควิด ประเมินว่าคงจะมีผลกระทบต่อตลาดทุนไทยบ้างแต่ไม่มาก สำคัญที่สุดคือพื้นที่กรุงเทพซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ได้น่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ประเมินว่าคงจะไม่เกิดแรงเทขายหนักๆ (Panic Sell) เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนช่วงเดือน มี.ค.63 ที่ไม่ทราบว่าเชื้อไวรัสโควิดคืออะไร รุนแรงขนาดไหน แต่วันนี้ถึงจุดที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันในกลุ่มประเทศใหญ่ๆ กันแล้ว

“กลุ่มหุ้นที่ยังได้รับผลกระทบน่าจะเป็นกลุ่มเดิม คือ หุ้นท่องเที่ยวโรงแรมที่จะฟื้นตัวช้าที่สุด แต่รอบนี้หุ้นบริการ ร้านอาหาร ก็คงจะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่หุ้นกลุ่มอื่นๆ มีผลกระทบไม่มาก”

สิ่งที่ตลาดทุนมองคือสถานการณ์ดังกล่าวเป็นภาวะชั่วคราวหรือภาวะลากยาว ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว รัฐบาลน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ ดังนั้นมีโอกาสที่สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 เดือน

“การระบาดโควิดในประเทศครั้งนี้น่าจะผ่านจุดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงๆ ไปแล้ว แต่ตัวเลขคงจะไม่ลดเหลือศูนย์ ยังมีต่อไป แต่เชื่อมั่นในมาตรการของรัฐ”

ขณะเดียวกันถ้ามองตัวอย่างในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเกิดการระบาดโควิดระลอก 2 และระลอก 3 ก็อยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการได้ และผลกระทบไม่ได้สูงมาก โดยเฉพาะผลกระทบต่อตลาดทุนแทบมองไม่เห็น เนื่องจากตลาดทุนยังเลือกที่จะสนใจอนาคตมากกว่าสิ่งที่้เกิดขึ้น เช่น ความคืบหน้าวัคซีน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆ กำลังทำกัน แต่ถ้าตลาดหุ้นเริ่มไม่มั่นใจกับอนาคต อาจจะได้เห็นภาพเหมือนช่วงเดือน มี.ค.63 ที่ความเชื่อมั่นต่ำสุด

“ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการสะท้อนล็อกดาวน์รอบแรกค่อนข้างเยอะ ร่วงหนักทั่วโลกและฟื้นกลับขึ้นมาได้ แต่พอเกิดล็อกดาวน์รอบ 2 หรือระบาดใหม่แทบจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐ, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดแล้ว” นายไพบูลย์กล่าว