บลจ.เอ็มเอฟซี ประกาศเพิ่มขนาดกองทุน ‘อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต’ เป็น 5,000 ล้านบาท หลังยอดจองทะลัก 2,277 ล้านบาท นักลงทุนเชื่อมั่นผลประกอบการ บจ.ตลาดเกิดใหม่ปี’64 ฟื้นตัว ดันผลตอบแทนแจ่ม
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีประสบความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของ กองทุน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต MFC Emerging Market Fund (M-EM) ที่เปิดขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 12 – 19 ม.ค.64) มียอดจองซื้อ 2,277 ล้านบาท ซึ่งเกินจำนวนมูลค่าโครงการ บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนเพิ่มมูลค่าโครงการเป็น 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการลงทุนที่มีอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.64 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“กระแสตอบรับกองทุน M-EM ดีเกินคาด มียอดจองซื้อหน่วยลงทุนเกินมูลค่าโครงการที่ขอจดทะเบียนไว้ เพราะนักลงทุนมั่นใจแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่ในปี 2564 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นเทียบตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่งผลดีกับตลาดหุ้นเกิดใหม่” นายธนโชติ กล่าว
ทั้งนี้ กองทุน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต M-EM มีนโยบายที่เน้นสร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนในกองทุนดีกรี Morningstar 5 ดาว บริหารโดยทีมจัดการกองทุนชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Baillie Gifford โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ทั่วโลก ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยแนวทางการลงทุนระยะยาวแบบเชิงรุก (Long-term & Active) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตของกำไรสูง
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังมีการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในตราสารทุนจำนวน 35-60 หลักทรัพย์ อีกทั้งมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
“โดยปกติแล้วในอดีตช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี ซึ่งครั้งนี้ก็มีแนวโน้มเช่นนั้น จากหลายปัจจัยสนับหนุน ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นำโดยจีนและอินเดีย ความคืบหน้าของการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลก ต่างงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ
รวมถึงแนวโน้มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ลดลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เสียตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้กับนายโจ ไบเดน ทำให้กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตของกำไรสูงในตลาด อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาว ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง คาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือพันธบัตรรัฐบาล” นายธนโชติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯในต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ เหมาะกับผู้ลงทุนที่สามารถรับการเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุนได้
โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 – 25 หรือที่ www.mfcfund.com