นักลงทุนหน้าใหม่แห่เปิดพอร์ตลงทุน 2 แสนบัญชี ซื้อหุ้น OR ทำสถิติสูงสุด

หุ้นOR-PTT

ตลาดหลักทรัพย์เผยหุ้น OR ดันยอดเปิดบัญชีเดือนม.ค.64 พุ่ง 2 แสนบัญชี ทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมหนุนมูลค่าการซื้อขายในตลาดสูงถึง 1.57 แสนล้านบาท ด้านภาวะตลาดเดือนก.พ. SET Index เพิ่มขึ้น 2% ส่วน mai Index พุ่ง 6.4% สูงสุดในรอบ 2 ปี

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากต้นปี 2564 ถึงสิ้นเดือนม.ค.64 มีการเปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์กว่า 2 แสนบัญชี ทำให้นักลงทุนเปิดบัญชีรวมแล้วกว่า 3.7 ล้านบัญชี โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนใหม่ที่เข้ามาในตลาดจากการจองหุ้น OR หรือ (บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก) ถือว่าเป็นสถิติสูงสุดใหม่

ทั้งนี้หากพิจารณาย้อนหลังไป 1 ปี ก่อนช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด จะเห็นได้ว่ามีการเปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์เพียงปีละประมาณ 2-3 แสนบัญชีเท่านั้น

ศรพล ตุลยะเสถียร
ศรพล ตุลยะเสถียร

พร้อมกันนี้ การเริ่มซื้อขายหุ้น OR ในวันแรก (11 ก.พ.64) ราคาปิดมาที่ 29.25 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 62.5% จากราคา IPO และมีมูลค่าการซื้อขายในเดือนแรกสูงถึง 157,396 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.3% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของเดือนก.พ.64 ทำให้ใน 2 เดือนแรกของปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน

นายศรพล กล่าวว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ ณ เดือนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 SET Index ปิดที่ 1,496.78 จุด เพิ่มขึ้น 2.0% จากเดือนก่อน ขณะที่ mai Index ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องปิดที่ 379.07 จุด เพิ่มขึ้น 6.4% จากเดือนก่อนสูงสุดในรอบ 2 ปี และ เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมโดยเทียบกับสิ้นปี 2563 พบว่า กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการ ปรับตัวดีกว่า SET Index

ขณะเดียวกันมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 94,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 มีมูลค่าการซื้อขายสูง 126,923 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มดำเนินการซื้อขาย และในเดือนนี้ผู้ลงทุนในประเทศยังคงมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 47.3% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด และเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาด้วยมูลค่า 30,283 ล้านบาท เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ซื้อสุทธิ 2,436 ล้านบาท

ขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ด้วยมูลค่า 18,609 ล้านบาท และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 14,110 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนแรกของปี ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 29,284 ล้านบาท ส่วน Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ระดับ 19.3 เท่า และ 26.8 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.1 เท่า และ 25.3 เท่าตามลำดับ

สำหรับอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ระดับ 2.57% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.28%

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า นอกจากการเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ หุ้น OR แล้ว สาเหตุที่เป็นปัจจัยให้นักลงทุนเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก หากไปฝากเงินที่ธนาคารก็จะได้ผลตอบแทนน้อย รวมทั้งข้อมูลทางการลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทั้งที่ปรึกษาทางการเงินรูปแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และการเข้ามาลงทุนสามารถเข้ามาได้สะดวกมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบริษัทในการจดทะเบียนและมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นปัจจัยเสริมทำให้นักลงทุนเข้ามาในตลาดทุนและตลาดอื่นๆ ในการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมากขึ้น

“สัญญาณการเปิดบัญชีเพิ่มขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าเรามีกลุ่มนักลงทุนประเภทใหม่ๆ เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น ในอนาคตถ้าเราส่งเสริมให้เขาลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นในตลาดทุนไทย เชื่อว่ามีนักลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนมากขึ้น และจะมีการเปิดบัญชีมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันนักลงทุนไทยเปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์รวมแล้วกว่า 3.7 ล้านบาท เป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว 30% จากในอดีตที่ผ่านมามีประมาณ 20-30%”