กรุงเทพฯ จับมือ SRAN เปิดตัว “ประกันภัยไซเบอร์” ตั้งเป้าลูกค้าปีแรกพันราย

กรุงเทพประกันภัย จับมือ SRAN เปิดตัว “ประกันภัยภัยไซเบอร์” ตั้งเป้าลูกค้าองค์กรปีแรก 500-1,000 ราย ลุยเจาะตลาดผู้ประกอบการเอสเอ็มอี-โรงพยาบาล-คลินิก-หน่วยงานที่นำข้อมูลมาประมวลผล

คปภ.มั่นใจ “ประกันภัยไซเบอร์” บูม! ธุรกิจแบงก์แห่ซื้อ

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) กล่าวปาฏากฐาพิเศษในหัวข้อเรื่อง Cyber Insurance For All in the Next Normal ว่า ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยไซเบอร์ เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ของการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดยในช่วง 10 ปีก่อน ภัยคุกคามที่ก่อความเสียหายมากที่สุดคือ การก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นภัยไซเบอร์ซึ่งค่อนข้างส่งผลกระทบตามมามากมาย เช่น การแอบขโมยข้อมูลทรัพย์สินสำคัญ, การแฮกข้อมูลในระบบ, การหลอกข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต, การเรียกค่าไถ่, การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการทุจริต, การขโมยข้อมูลความเป็นตัวตนเพื่อสวมรอย, การกลั่นแกล้งบูลลี่ เป็นต้น

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ

โดยจากการเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงภาคธุรกิจที่เร็วกว่านั้นคือ ผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตความเป็นอยู่แบบวิถีใหม่(New Normal) ทุกคนจะต้องปรับไปสู่การทำงานที่บ้าน(WFH) ซึ่งต้องมีวิธีการบริหารความเสี่ยงที่แตกต่างจากอดีต แม้แต่ผลิตภัณฑ์ประกันภัยจะเป็นแบบเฉพาะคน (Tailor-Made)

เลขาธิการ คปภ. กล่าวต่อว่า และด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ต้องมีการติดต่อผ่านระบบเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น การประชุมผ่าน ZOOM, Face-Time ซึ่งอาจจะถูกแฝงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ จากการดำเนินการด้วยเทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ในส่วนองค์กร

ทั้งนี้การขับเคลื่อนเรื่องนี้ในฐานะบทบาทของสำนักงาน คปภ.ถือว่าจัดอยู่ในยุทธศาสตร์แผนการพัฒนาด้านประกันภัย ฉบับที่ 4 (2564-2568) ทั้งการส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย การสนับสนุนการประกันภัยไซเบอร์ การส่งเสริมความรู้ให้ประชาชน และการปรับปรุงกระบวนการให้ความเห็นชอบผลิตภัณฑ์ประกันภัย

โดยหลักๆ ในการพัฒนาการประกันภัยไซเบอร์ จะแบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบคือ 1.การประกันภัยไซเบอร์สำหรับลูกค้าองค์กร (Commercial Line) ซึ่งจะมีความคุ้มครอง อาทิ ความรับผิดต่อข้อมูลส่วนบคคล, ความรับผิดเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัท, ความรับผิดต่อการจ้างงานภายนอก, ความรับผิดต่อความปลอดภัยของข้อมูล เป็นต้น โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี, การจัดการข้อมูล, การกอบกู้ชื่อเสียง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์(แบงก์) ทำกันแพร่หลายมากขึ้น

2.การประกันภัยไซเบอร์ลูกค้าบุคคล (Personal Line) ซึ่งกำลังจะเป็นเทรนด์และจะตอบโทจย์โลกออนไลน์ โดยจะคุ้มครองการโจรกรรมธุรกรรมการเงินบนนอินเตอร์เน็ต, การกลั่นแกล้งทางอินเตอร์เน็ต, การถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเตอร์เน็ต, การซื้อขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

ซึ่งปัจจุบันนี้สำนักงาน คปภ.อนุมัติแบบกรมธรรม์ให้กับบริษัทประกันไปแล้ว 5 ราย และมี 2 บริษัทที่ขายสินค้าตัวนี้แล้ว

“เชื่อว่าการขับเคลื่อนเรื่องนี้จะเป็นโจทย์ของความต้องในระยะยาว โดยตอนนี้จำนวนคนทำประกันภัยไซเบอร์น้อยมาก แต่มองในภาพบวกต่อการประกันภัยไซเบอร์ลูกค้าบุคคล ซึ่งพึ่งจะเปิดตัว คนอาจยังไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าจะมีศักยภาพเติบโตได้สูงมาก ซึ่งปัจจุบันค่าเบี้ยประกันก็ถูก” เลขาธิการ คปภ.กล่าว

นอกจากนี้ภาครัฐเริ่มมีการพิจารณาเรื่องนี้มากขึ้นด้วย โดยนโยบายรัฐมนตรีคลังที่ให้ คปภ.ศึกษาทำประกันภัยทรัพย์สินของราชการ ซึ่งต่อไปอาจจะไม่ใช่เฉพาะวัตถุที่จับต้องได้ แต่รวมไปถึงการทำประกันภัยไซเบอร์ด้วย เพราะวันนี้ภาครัฐก็ถูกกระทำจากการถูกระเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งวันนี้กำลังอยู่ในระหว่างการติดตามความคืบหน้า

“ภัยไซเบอร์” สร้างมูลค่าความเสียหายทั่วโลก 30 ล้านล้านบาท

ดร.นรัตถ์ สาระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลเทคโนโลยี อินทิเกรด จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการด้านความปลอดภัยเครือข่ายสารสนเทศ หรือ Cyber Security ครบวงจรภายใต้ชื่อ SRAN กล่าวว่า ปลายปี 2563 สถิติข้อมูลความเสียหายเกี่ยวกับภัยทางไซเบอร์ พบว่า ทั่วโลกมีมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านล้านบาท และมีสัดส่วนมากขึ้นถึง 50% จากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นถ้าให้ความรู้ในตลาด และมีระบบให้การช่วยเหลือเชื่อว่าจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นลงมาได้

โดยบริษัทจึงได้ร่วมมือพัฒนาโปรดักต์ SRAN Insurance Plus ร่วมกับกรุงเทพประกันภัย เพื่อช่วยสนับสนุนหากลูกค้าของ SRAN ถูกบุกรุกจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งค่อนข้างจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเรามีระบบในการมอนิเตอร์ให้ลูกค้า คิดค่าบริการเพียง 6,500 บาทต่อเดือน

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย(BKI) กล่าวว่า โปรดักต์ตัวนี้จะมีค่าเบี้ยประกันภัยแค่ 200-1,000 บาทต่อปี แต่ถ้าเป็นลูกค้า SRAN จะได้รับความคุ้มครองฟรี โดยเมื่อเกิดถูกบุกรุกหรือการเข้าถึงภัยคุกคามในเชิงข้อมูล กรุงเทพประกันภัยจะเข้าไปตรวจสอบ หากกอบกู้/ซ่อมแซมคืนได้จะให้ลูกค้าดำเนินการ โดยบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายให้สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท(จ่ายตามจริง) และค่าใช้จ่ายจากการถูกเรียกค่าไถ่ และการคุ้มครองนิติวิทยาศาสตร์ ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อแจ้งให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายรับทราบ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กร

ค่าใช้จ่ายแจ้งลูกค้าของลูกค้าโดยตรง ค่าใช้จ่ายเซตอัพลูกค้าคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล(สคส.) จะมีค่าปรับ บริษัทก็จะเข้าไปชดใช้ให้ด้วย นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายกรณีธุรกิจหยุดชะงัก และยังมีค่าใช้จ่ายความรับผิดทางกฎหมาย ซึ่งจะจ่ายค่าเสียหายที่แท้จริงตามศาลหรืออนุญาโตตุลาการ

ตั้งเป้าลูกค้าเป้าหมายปีแรก 500-1,000 ราย

ดร.นรัตถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคาดหวังช่วงแรกเราต้องการให้คนเริ่มตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยไซเบอร์ หลังจากนั้นค่อยเดินนโยบายเพราะตลาดนี้ค่อนข้างใหญ่มาก ในไทยมีบริษัทในกลุ่มเอสเอ็มอี(SMEs) กว่า 1-2 ล้านราย ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ความมั่นคงทางไซเบอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นช่วงปีแรกคาดหวังลูกค้าเป้าหมายสัก 500-1,000 ราย เช่น โรงพยาบาล, คลินิกทำฟัน, หน่วยงานที่นำข้อมูลมาประมวลผล เป็นต้น

กรุงเทพประกันภัย ถูกคุกคามทางไซเบอร์ 20,000 ครั้งต่อวัน


ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บนระบบอินเตอร์เน็ตของกรุงเทพประกันภัย ถูกบุกรุกจากภัยคุกคามเฉลี่ยประมาณ 20,000 ครั้งต่อวัน โดยเฉพาะการถูกคุกคามจากข้อมูลประกันสุขภาพของลูกค้า เพราะเป็นข้อมูลที่มีความลับสุดยอด และมักจะถูกโจมตีเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งสอดคล้องข้อมูลสถิติที่ว่าหน่วยงานที่มีความเสี่ยงถูกบุกรุกทางไซเบอร์มากที่สุดคือ โรงพยาบาล, บริษัทประกันภัย, สถาบันการเงิน, โรงงานอุตสาหกรรมฯ เป็นต้น