
“อาคม” ตีโจทย์ฉีดวัคซีน 3 ส่วน ฟื้นเศรษฐกิจไทย ทั้งระดับมหภาค ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และระดับประชาชน เชื่อภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวไตรมาส 4 ไอเอฟเอฟ คาดเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวต้องใช้เวลา 2 ปี ขณะที่ไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 2.6%
วันที่ 17 มีนาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “วัคซีนเศรษฐกิจ วัคซีนประเทศไทย” ของ หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ว่า ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 แต่มาเจอโควิดระลอกใหม่ที่สมุทรสาคร และ ล่าสุดที่ตลาดบางแค แต่เชื่อมั่นว่าบุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลควบคุมการแพร่ระบาดได้
ชี้ “ท่องเที่ยว” กลับมาไตรมาส4
อย่างไรก็ดี การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ได้ จะขึ้นกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ต้องมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามา โดยตัวเลขเดือน ก.พ. จะเห็นการส่งออกที่ขยายตัว แต่ยังอยู่ระดับต่ำ ส่วนที่ยังขาดอยู่คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดหวังว่าจะกลับมาได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
นายอาคม กล่าวว่า การจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องฉีดวัคซีน 3 ส่วน ได้แก่ 1.วัคซีนระดับมหภาค ที่ต้องดูแลให้เศรษฐกิจมีการเติบโต ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยการกู้เงินเพื่อดูแลประเทศช่วงนี้อาจจะจำเป็น ซึ่งทุกประเทศก็กู้ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกาที่มีวงเงินสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 60 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อกู้มาแล้ว จะต้องสร้างรายได้ ต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดัน
2.วัคซีนระดับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งภาคธุรกิจต้องบริหารความเสี่ยง และภาคการเงินต้องเข้าไปช่วย
3.วัคซีนในระดับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็มีการดูแลประชาชนผ่านมาตรการต่าง ๆ โดยผ่านช่องทางดิจิทัล ใช้โมบายแอปพลิเคชัน ทำโครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และเตรียมจะมีโครงการต่อ ๆไปอีก
ปรับโครงสร้างภาษีเอื้อ Digital business
สำหรับนโยบายของกระทรวงการคลังจากนี้ 1.จะเน้นส่งเสริม Digital business โดยปรับโครงสร้างภาษีให้เอื้อ พร้อมกับการเก็บภาษีจากผู้ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ
2.การสนับสนุนพลังงานสะอาด เพื่อรับมือผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
และ 3.การส่งเสริมด้านสุขภาพและการแพทย์ เพื่อรับมือสังคมสูงอายุ
IMF ชี้เศรษฐกิจไทยปี’64 โต 2.6%
นายอาคม กล่าวด้วยว่า ได้ประชุมร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเร็ว ๆนี้ ทาง IMF มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.6% ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ กระทรวงการคลัง โดย IMF มีข้อเสนอแนะ ได้แก่ 1.ไทยยังจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ประคองไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีแล้ว ซึ่งคาดว่าใช้เวลาราว 2 ปีจากนี้
และ 2.ให้นโยบายการเงินดูแลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเจาะจงมากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังและ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้หารือร่วมกัน โดยจะมีการดูแลผู้ได้รับผลกระทบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าธุรกิจเอสเอ็มอี ในเร็ว ๆนี้ ผ่านการแก้ไขกฎหมายซอฟต์โลน และ การทำโกดังพักหนี้