หุ้นไทยไต่แดนบวกขานรับ “เฟด” ยืนยันคงดอกเบี้ยถึงปี 66

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอิงแดนบวกในกรอบ 1,555-1,575 จุด ขานรับ “ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ” ส่งสัญญาณผ่อนคลายต่อเนื่อง ยืนยันคงดอกเบี้ยจนถึงปี 66 หวั่นดัชนี (SET) ถูกลดทอนการปรับเพิ่มสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐกดดันราคาน้ำมันดิบโลก-หุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญล่ม ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (18 มี.ค. 2564) ว่า ดัชนี (SET) เช้านี้แกว่งตัวออกข้างอิงทางบวกเป็นหลักระหว่าง 1,555 – 1,575 จุด โดยตลาดได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ล่าสุดที่ผ่านมา ซึ่งประธานเฟดได้ให้มุมมองเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีและยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนถึงปี 2566

อย่างไรก็ตาม ยังมองแรงบวกระยะสั้นจะอยู่ในกรอบจำกัด โดยอาจถูกลดทอนการปรับขึ้นจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังมีรายงานการเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐกดดันราคาน้ำมันดิบโลกให้เริ่มทรงตัวไม่ไปไหนไกล

โดยวานนี้เฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% ไปจนกว่าจะถึงปี 2566 แต่ถ้าหากพิจารณา FED Dot Plot จากการประชุมครั้งนี้เทียบกับรอบการประชุมเดือน ธ.ค. 63 จะเห็นว่ามีสมาชิกกรรมการเฟดหลายท่านมากขึ้นที่เห็นว่าเฟดควรปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566

อีกทั้งเฟดยังเผยตัวเลขคาดการณ์จีดีพีสหรัฐ 2564 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 6.5% แต่สิ่งสำคัญที่ทางฝ่ายวิจัยแนะนำให้เพิ่มความสนใจไม่น้อยไปกว่าปัจจัยที่ได้กล่าวไปก่อนในข้างต้น คือ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดได้ปรับตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2564 – 2566 มาอยู่ที่ 2.4%, 2.0% และ 2.1 (ตามลำดับ)

ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐในปีนี้จะพุ่งขึ้นได้อีกจากปัจจุบัน Core CPI เดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 1.70 เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งตีความได้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐอาจเร่งตัวขึ้นได้อีก เพื่อให้เข้าใกล้กับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เฟดได้ให้มุมมองเอาไว้ ผ่านเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากการคลังและการเงิน ดังนั้น
ผลตอบแทนพันบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ก็อาจจะเร่งตัวขึ้นต่อได้เช่นกัน และอาจเห็นการเวียนกลุ่มจาก Growth Stocks เข้าสู่ Value Stock มากขึ้น

ทั้งนี้ ในภาพรวมจากทั้งมุมมองเศรษฐกิจที่ดูสดใสและการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปของเฟด ทางฝ่ายวิจัยจึงมองว่าสินทรัพย์เสี่ยงยังได้รับอานิสงส์เชิงบวก และมีความน่าสนใจลงทุนในระยะกลางขึ้นไป

แต่การที่สหรัฐประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนมากกว่าตลาดคาดที่จะเพิ่มขึ้น 4 แสนบาร์เรล และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ในระยะสั้นคาดกดดันราคาน้ำมันดิบโลกและหุ้นกลุ่มพลังงาน

ปิดท้ายกันที่ผลการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญล่ม โดยการลงคะแนนเสียงมติวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีคะแนนเสียงเห็นชอบเพียง 208 เสียง ซึ่งมาจาก ส.ส. 206  เสียง และ ส.ว. 2 เสียง ทำให้คะแนนเสียงที่เห็นชอบไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภา ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับดังกล่าว จึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป