โควิดระลอก 3 ทุบตลาดท่องเที่ยว กสิกรไทยมองต่างชาติเหลือ 2.5 แสนคน

นักท่องเที่ยว-ภูเก็ต
Mladen ANTONOV / AFP

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินโควิด-19 ระลอก 3 ฉุดแผนการเปิดประเทศล่าช้า-ภาคการท่องเที่ยวยังเปราะบาง กระทบจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 2.5 แสนคน-1.2 ล้านคน เม็ดเงินรายได้ 1.2 แสนล้านบาท จากเดิมมองอยู่ที่ 2 ล้านคน ชี้ ครึ่งปีแรกเข้ามา 3.5 หมื่นคน

วันที่ 22 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าภายใต้ความเสี่ยงที่การควบคุมการระบาดระลอก 3 ที่น่าจะใช้ระยะเวลานานกว่ารอบก่อนหน้า เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อสูงและการแพร่เชื้อที่เร็ว ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างซาติในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบกับสภาพแวดล้อมการท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากการระบาดของโรคโควิดยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ น่าจะต่ำกว่าที่ประเมิน

โดยมองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2564 จะมีจำนวนประมาณ 2.5 แสนคน – 1.2 ล้านคน เป็นการปรับลดประมาณการจากเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่มองไว้ 2 ล้านคน

ทั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 คงจะใช้ระยะเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กว่าที่สถานการณ์จะกลับมาผ่อนคลายลง เนื่องจากการระบาดครั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงกว่าการระบาดในรอบก่อน และเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งคงจะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มซึ่งมีแผนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในช่วงไตรมาส 2 นี้

และผลจากการระบาดของโควิดระลอกที่ 2 และ 3 ส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยังอยู่ระดับต่ำ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 3.5 หมื่นคน และแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งหลังปี 2564 ยังมีความเปราะบางสูง จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 ในประเทศระลอกใหม่นี้ที่มีความรุนแรงกว่ารอบก่อน ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบถึงความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทางการได้วางแผนไว้ให้มีความล่าช้าออกไปอีกครั้ง หลังจากที่แผนงานต่างๆ
ต้องถูกเลื่อนไปจากการระบาดในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา

ขณะที่ประเด็นการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศก็น่าจะยังสามารถทำได้จำกัด เนื่องจากตามแผนการจัดหาวัคซีนที่จะเริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไปจะเริ่มทยอยนำส่งมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้นอกจากนี้ แม้ในประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดในประเทศได้ แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับการระบาดของโควิดในต่างประเทศอีกเช่นกัน รวมถึงนโยบายการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศในแต่ละประเทศเช่นกัน และที่สำคัญเหตุการณ์โควิดที่ระบาดเป็นระยะเวลานานส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ

และทำให้ความสามารถในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มลดลง แม้มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางการคงจะมีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นทีท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ตตามแผน เพื่อที่จะสามารถปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยตามแผนที่วางไว้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปและปัจจัยแวดล้อมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีความท้าทายดังที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้น่าจะต่ำกว่าที่ประเมิน โดยมองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2564 จะมีจำนวนประมาณ 2.5 แสนคน – 1.2 ล้านคน เป็นการปรับลดประมาณการจากเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่มองว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างซาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 2.0 ล้านคน

ทั้งนี้ กรณีเลวร้าย แม้คาดว่าทางการไทยจะสามารถควบคุมการระบาดระลอกนี้ได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการระบาดในประเทศได้อีก เนื่องจากโรคโควิดทั้งในและต่างประเทศยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้ ขณะที่การฉีดวัคซีนในประเทศยังทำได้จำกัดฉพาะพื้นที่

ทำให้ทางการไทยยังต้องระมัดระวังในการผ่อนคลายเงื่อนไขการลดจำนวนวันกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในไทย ภายใต้สมมติฐานนี้ คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนคน ขณะที่รายได้ท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5หมื่นล้านบาท

กรณีดีสุด ภายใต้สมมติฐานในกรณดีสุดนี้ นับเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายค่อนข้างมาก โดยมองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ประเทศไทยจะไม่มีการระบาดระลอกใหม่ ขณะที่ในต่างประเทศการระบาดของโรคมีจำนวนลดลงต่อเนื่อง การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศได้ครอบคลุมมากที่สุด และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และทางการคงจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเงื่อนไขการกักตัวและเปิดรับให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการทำ Travel Bubble กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม เป็นต้น

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กรณีดังกล่าวนี้อาจจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคน ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งจะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการของตลานักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยแวดล้อมของตลาดการท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังและรักษาระดับมาตรฐานการป้องกันการระบาดของโควิดที่เข้มงวด เพื่อลดโอกาสที่โควิดจะกลับมาระบาดอีกครั้ง อันจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งข้นและโอกาสในการทำตลาดท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง เช่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทำTravel Bubble โดยที่นักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศไม่ต้องกักตัวและออสเตรเลียเตรียมทำ Travel Bubble กับสิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างซาติที่น่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในช่วงที่เหลือของปี อาทิ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นประเทศในแถบภูมิภาคเอเซียตะวันออกอย่าง จีน (เป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเอง สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ขึ้นอยู่กับนโยบายการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศของทางการจีน) ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และนักท่องเที่ยวจากอเมริกา เป็นต้น