ซีอีโอใหม่อลิอันซ์ฯ กางแผน 5 ปี เบี้ยประกันโต 10-12% ผู้นำสินค้าสุขภาพ

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 5 ปีข้างหน้า (2020-2025) เติบโต 10-12% ต่อปี รักษาผู้นำสินค้าประกันสุขภาพ กางแผนรุกตลาดสินค้าออมทรัพย์ทางเลือก-การลงทุน บริหารพอร์ตลงทุน “อนุรักษนิยม” เน้นลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น-อสังหาฯ แมชชิ่งสัญญาประกันภัย

นายโทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต(AZAY) กล่าว ในแถลงข่าว “Meet The New CEO” ว่า ในปี 2564 ธุรกิจประกันชีวิตยังมีความท้าทายอยู่มาก นอกเหนือจากการระบาดโควิด-19 แล้ว ยังมีปัจจัยจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ความผันผวนในตลาดทุน ทำให้บริษัทต้องวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ มองการลงทุนในระยะยาวมากขึ้น เพื่อที่จะสร้างการเติบโตที่ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่เริ่มในวันนี้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย โดยมีกลยุทธ์ Strategy 2025 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า (2021-2025) ที่ทุกส่วนในองค์กรจะต้องร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อน โดยตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก(ANP) ประมาณ 10-12% ต่อปี

 

ทั้งนี้อลิอันซ์มีเป้าหมายจะต้องรักษาผู้นำสินค้าประกันสุขภาพให้ได้ต่อเนื่อง หลังจากครองอันดับ 1 สัดส่วนกว่า 36% สูงสุดในตลาดเมื่อปีที่แล้ว และต้องเร่งขยายธุรกิจประกันเพื่อการออมและการลงทุน โดยตั้งเป้าพอร์ตสินค้าประกันออมทรัพย์(Saving) ประกันชีวิต/สุขภาพ(Protection&Health) ประกันชีวิตควบการลงทุน(Unit-linked) และสินค้าออมทรัพย์ทางเลือก (Capital Efficient and Alternative Guarantees) ซึ่งมีความไดนามิกในการปรับพอร์ตแบบเรียลไทม์ โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2564-2566) เริ่มจากปี 64 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 28%, 58%, 3%, 10% (ตามลำดับ) ในปี 65 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 27%, 60%, 5%, 8% และในปี 66 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 25%, 62%, 7%, 7%

“ตั้งแต่ปี 2559-2563 สัดส่วนสินค้าที่อลิอันซ์ขายคือ การตัดสินใจเป็นผู้นำสินค้าประกันสุขภาพ ซึ่ถือว่ามาถูกทางส่งผลให้ปีที่แล้วเราขึ้นเป็นผู้นำสินค้าประกันสุขภาพในตลาด และต่อจากนี้จะยังคงให้ความสำคัญกับสินค้าประกันสุขภาพต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าประกันออมทรัพย์ลดสัดส่วนลงจาก 66% เหลือ 35% ในปี 63 ที่สำคัญเป็นสินค้าที่ให้การันตีผลตอบแทนระดับ 1.5-3% ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้ยีลด์อยู่แค่ 1.3% จึงจะเห็นว่าที่ผ่านมาอลิอันซ์พยายามออกจากการเสนอขายสินค้าการันตีโปรดักต์ และขายสินค้าที่มีส่วนผสมมากขึ้น โดยนอกเหนือประกันสุขภาพ ก็ยังมีสินค้าการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่เหมาะสม” นายโทมัสกล่าว

นายโทมัส กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการบริหารพอร์ตลงทุนของอลิอันซ์ค่อนข้างระมัดระวังและอนุรักษ์นิยมค่อนข้างมาก ทำให้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิดค่อนข้างน้อย โดยหลักๆ บริษัทเน้นลงทุนที่หลากหลายสินทรัพย์และมองการลงทุนระยะยาวเพื่อแมชชิ่งกับสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยบาลานซ์พอร์ตฟอริโอ ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนแบบ underweight ตลาดในฝั่งตลาดหุ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้สำหรับกลยุทธ์สำคัญสู่เป้าหมายจะประกอบด้วย 4 เสาหลักดังนี้

1.Growth – สร้างการเติบโตในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในส่วนของช่องทางตัวแทน และช่องทางอื่นๆ โดยช่องทางตัวแทนจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของกลุ่มตัวแทนในรูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ เพื่อเร่งการสร้างผลงาน ขณะที่ในช่องทางอื่นๆ จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายผ่านธนาคาร ช่องทางประกันกลุ่ม และช่องทางการขายทางโทรศัพท์ ซึ่งทุกช่องทาง จะเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนธุรกิจคุ้มครอง และมองหาโอกาสในการเพิ่มผลกำไรจากฐานลูกค้าเดิม และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ

2.Product – การพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะมุ่งเน้นทั้งการรักษาตำแหน่งผู้นำในการขายประกันคุ้มครองสุขภาพ ในขณะเดียวกันจะต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจประกันเพื่อการลงทุนและออมทรัพย์ด้วย ตั้งแต่นี้ไป เราจะเดินหน้าทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการสร้างสมดุลในพอร์ทสินค้าของเราให้มีสัดส่วนเหมาะสม

3.Operating Profit – การสร้างผลกำไรจากการดำเนินงาน โดยเน้นสร้างผลกำไรในระยะยาว ผ่านการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำงาน ทั้งของฝ่ายขาย และระบบหลังบ้านของเรา เพื่อให้มีประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลที่มากขึ้น

4.People – การสร้างองค์กรมาตรฐานระดับโลก โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ และทัศนคติที่พร้อมต่อการเติบโต เพื่อสร้างให้เป็นผู้นำรุ่นใหม่ของ อลิอันซ์ อยุธยา ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปในอนาคต

โดยกลุ่มอลิอันซ์ ได้ตั้งเป้าหมายให้ปี 67 เป็นที่จะยกระดับธุรกิจในเครือให้มีมาตรฐานระดับโลกเหมือนกันทั้งหมดทั่วโลก เราจึงต้องสร้างพื้นฐานให้มั่นคงพร้อมที่จะเติบโตตั้งแต่วันนี้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตธุรกิจอีกมากด้วยการสนับสนุนที่เป็นมืออาชีพจากทุกฝ่ายในองค์กร เชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จ สามารถขับเคลื่อนอลิอันซ์ อยุธยา ไปสู่การดำเนินธุรกิจในอีกระดับที่ตั้งเป้าไว้ได้

สำหรับผลงานปี 63 ที่ผ่านมา บริษัทยังมีการเติบโตของกำไรสุทธิ เป็นผลจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการพอร์ตลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่สูงจนเกินไป ธุรกิจประกันสุขภาพที่ดำเนินไปด้วยดี รวมทั้งการที่เรามีพอร์ทผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย โดยในแง่ของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) ทุกช่องทางยังคงสร้างผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเจอกับความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19

ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ เพิ่มสูงถึง 32 เปอร์เซ็นเทจพอยต์ นอกจากนั้น ในแง่ของการบริการลูกค้า เราพบว่าสัดส่วนธุรกิจสุขภาพของเราขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนเบี้ยสุขภาพสูงสุด ในแง่ของแบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ยังเป็นบริษัทประกันที่ลูกค้าชื่นชอบและมีความรักด้วยคะแนน NPS (Net Promoter Score) ที่อยู่ในอันดับ 1 ด้วยคะแนนสูงถึง 35.9% และสัดส่วนการใช้งาน AZD ที่สูงถึง 97% แสดงให้เห็นว่าทั้งตัวแทนและลูกค้า เปิดรับกับเทคโนโลยีและพร้อมที่จะก้าวสู่โลกดิจิทัลกับเรา  ผลงานทั้งหมด พิสูจน์ให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทที่พร้อมจะเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง