กรุงเทพประกันชีวิต Q1กำไรโต 330% ตั้งสำรองลด-ยอดขายผ่านแบงก์พุ่ง  

รุงเทพประกันชีวิต ผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 64 กำไรสุทธิ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330% หลังไตรมาส 1/63 ต้องตั้งสำรองกว่า 2.6 พันล้านบาท รองรับการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนดอกเบี้ย

วันที่ 12 พ.ค.64 ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 990ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 330% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้นที่ 0.58 บาท สาเหตุหลักเนื่องมาจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีการปรับปรุงประมาณการตั้งสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD) เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ของ NPV Reserve เป็น 5% เพื่อรองรับการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายเงินสำรองประกันชีวิตเพิ่มขึ้นจากปกติ จำนวน 2,668 ล้านบาท

โดยในไตรมาสแรกบริษัทมีเบี้ยประกันรับปีแรก(FYP) จำนวน 1,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่อุตสาหกรรมลดลง 6% อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงเบี้ยประกันภัยรับปีแรกที่ไม่รวมเบี้ยประกันชำระครั้งเดียว (single premium) บริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้น 10% เทียบกับอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง 8% ซึ่งเป็นการเติบโตจากเบี้ยปีแรกผ่านช่องทางธนาคาร ที่มีเบี้ยรับที่ 717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.39% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 9,990 ล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสัดส่วนช่องทางขายผ่านธนาคาร 59% ช่องทางตัวแทน 31% และ ช่องทางอื่นๆ 10% โดยเป็นการเติบโตจากเบี้ยผ่านช่องทางธนาคารที่มีอยู่ 5,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.42% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5,894 ล้านบาท

ทั้งนี้สิ้นไตรมาสแรกบริษัทมีสินทรัพย์รวม(31 มี.ค.64) จำนวน 344,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากสิ้นปี 63 มีสินทรัพย์ลงทุนสัดส่วนสูงที่สุด 94% แยกเป็นตราสารหนี้รวม 83% ตราสารทุน 9% และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 5% โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ที่ระดับ 284%

“ในไตรมาส 1 ปีนี้มีรายได้จากการลงทุนทั้งสิ้น จำนวน 3,240 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน โดยหากไม่รวมผลของกำไรจากเงินลงทุน รายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลจะลดลง 6.8%


โดยบริษัทมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เท่ากับ 3.92% ลดลงจาก 5.57% ในช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตามมีการปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.45% ในไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับอัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและเงินปันผล(Investment Yield) อยู่ที่ 3.74% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 35 bps แต่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 21 bps